หมวดหมู่: ข่าวฟุตบอล

UFABETWIN ซาลาห์, เคนเข้าใกล้ทีมใหญ่อย่างลิเวอร์พูล, สถิติสเปอร์สในรายชื่อผู้ทำประตูสูงสุดของสโมสรในพรีเมียร์ลีก

UFABETWIN สถิติดาวซัลโวของสโมสรระดับเมเจอร์ในพรีเมียร์ลีกสองสามรายการกำลังจะลดลงในอนาคตอันใกล้นี้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ห่างจากร็อบบี้ ฟาวเลอร์ เจ้าของสถิติพรีเมียร์ลีกของลิเวอร์พูลเพียง 3 เกม แต่ที่น่าประทับใจยิ่งกว่านั้นก็คือ

แฮร์รี่ เคน กำลังจะทุบสถิติตลอดกาลของสเปอร์สอันน่าทึ่งของจิมมี่ กรีฟส์ ให้อยู่ในอันดับที่สอง ดังที่รายการต่อไปนี้แสดง สถิติของพรีเมียร์ลีกตกลงอย่างสม่ำเสมอ (บ่อยครั้งด้วยเหตุผลที่ชัดเจนและได้รับการเลื่อนตำแหน่งใหม่) แต่สถิติตลอดกาลนั้นหายากกว่ามาก และใช่ เรารู้ว่าแฮร์รี่ เคน

คว้าถ้วยรางวัลมาแล้วกี่ถ้วยแต่อย่าลังเลที่จะถามในความคิดเห็นที่นั่น เป็นข้อสังเกตที่ลึกซึ้งและเป็นต้นฉบับ ผู้ทำประตูสูงสุดตลอดกาล:รอน อายร์ (229 ประตูจาก 378 เกม) ผู้ท้าชิงที่ใกล้ที่สุด:(6 ประตูของเปรม, 54 ประตูตลอดกาล)

โซลันเก้ยิงได้ 6 ประตูในพรีเมียร์ลีก และไม่น่าจะทำลายสถิติเหล่านี้ได้เลย สี่สิบแปดดูเหมือนจะไม่เป็นตัวเลขมากนักจนกว่าจะได้ 42 ออกไปใช่หรือไม่? และถ้าโซลันเก้ลงเอยด้วยการทำประตูให้บอร์นมัธได้ 230 ประตู

พวกเราก็กินหมวกกันไม่ลง เบรนท์ฟอร์ด ผู้ทำประตูสูงสุดในพรีเมียร์ลีก:อีวาน โทนี่ย์ (24 ประตูจาก 49 เกม) ผู้ทำประตูสูงสุดตลอดกาล:จิม ทาวเวอร์ส (163 ประตูจาก 282 เกม) ผู้ท้าชิงที่ใกล้ที่สุดในปัจจุบัน: (60 ตลอดกาล) สถิติในพรีเมียร์ลีกค่อนข้างปลอดภัยแม้ว่าโทนี่จะพบว่าตัวเองไม่สามารถลงสนามได้ โยอาน วิสซาอยู่ในรายชื่อถัดไป

และตามหลังอยู่ 13 อันดับ แต่ด้วยวัย 26 ปีและทำไป 60 ประตูจาก 107 เกมให้กับสโมสรแล้ว สถิติตลอดกาลของ หากเขาไปไหนมาไหน ไบรท์ตัน ผู้ทำประตูสูงสุดของพรีเมียร์ลีก: (26 ประตูใน 96 เกม) และ (26 ประตูใน 102 เกม) ผู้ทำประตูสูงสุดตลอดกาล:ทอมมี่ คุก (123 ประตูจาก 209 เกม) ผู้ท้าชิงปัจจุบันที่ใกล้ที่สุด

(25 เปรม, 25 ตลอดกาล) ตราบเท่าที่ ไม่ทำอะไรโง่ๆ อย่างการเข้าร่วม ในเดือนนี้ มันก็เป็นเพียงเรื่องของเวลาก่อนที่เขาจะรับช่วงต่อจากคู่หูตัวฉกาจอย่าง ที่ด้านบนของชาร์ต เขาอยู่ข้างหลังเพียงคนเดียว มีอีกสิ่งหนึ่งที่อาจทำลาย อยู่ห่างออกไปเพียงสองประตูเท่านั้น มันขึ้นอยู่กับการคว้า! ตัวเลขของทอมมี่ คุกไม่ได้ตกอยู่ภายใต้การคุกคามมากนัก

และเพียง 123 ประตูสำหรับผู้ทำประตูสูงสุดตลอดกาลของสโมสรก็ให้ความรู้สึกถึงแบรนด์อย่างน่าทึ่ง แม้ว่า (เพราะ?) จะเป็นสถิติที่มีอายุยาวนานถึง 100 ปีก็ตาม เชลซี ผู้ทำประตูสูงสุดในพรีเมียร์ลีก:แฟรงค์ แลมพาร์ด (147 ประตูจาก 429 เกม)

ผู้ทำประตูสูงสุดตลอดกาล:แฟรงค์ แลมพาร์ด (211 ประตูจาก 648 เกม) ผู้ท้าชิงที่ใกล้ที่สุดในปัจจุบัน:เมสัน เมาท์ (เปรม 27 ประตู, 33 ประตูตลอดกาล) การมีมิดฟิลด์เป็นดาวซัลโวสูงสุด

ตลอดกาลของคุณเป็นเรื่องที่โง่เขลา แต่น่าเสียดายที่เชลซีจะวางตัวไม่ถูกในเร็วๆ นี้ แม้ว่าจะต้องมีผู้ทำลายสถิติจากภายในทีมชุดปัจจุบัน (และอาจจะไม่มี)

แต่เมสัน เมานท์ตัวจิ๋วของแฟรงค์ แลมพาร์ดเป็นผู้ทำ เขาทำ 27 ประตูจาก 121 เกมในพรีเมียร์ลีก และ 33 จาก 184 ในทุกรายการ เขาจะต้องใช้เวลานาน คริสตัล พาเลซ ผู้ทำประตูสูงสุดในพรีเมียร์ลีก:วิลฟรีด ซาฮา (67 ประตูจาก 280 เกม) ผู้ทำประตูสูงสุดตลอดกาล:

ปีเตอร์ ซิมป์สัน (165 ประตูจาก 195 เกม) ผู้ท้าชิงที่ใกล้ที่สุด:เจฟฟรีย์ ชลัปป์ (9 ประตูในพรีเมียร์), ซาฮา (89 ประตูตลอดกาล) ใช่ ค่อนข้างปลอดภัยในแนวหน้าของพรีเมียร์ลีกที่นี่ ชลุปป์ยิงได้ 9 ประตูในพรีเมียร์ลีก เองไม่น่าจะทำลายสถิติโดยรวมของ ได้ แต่เขาสามารถก้าวต่อไปจากอันดับที่ 10 ในปัจจุบันของเขาในรายการตลอดกาล

ของ เอียน ไรท์ น้อยกว่า 30 ประตูในเกมที่สาม… เอฟเวอร์ตัน ผู้ทำประตูสูงสุดในพรีเมียร์ลีก:โรเมลู ลูกากู (68 ประตูจาก 141 เกม) ผู้ทำประตูสูงสุดตลอดกาล: (386 ประตูจาก 433 เกม) ผู้ท้าชิงที่ใกล้ที่สุด: (46 ประตูของเปรม, 59 ประตูตลอดกาล) ชิ้นส่วนที่น่ารักของเอฟเวอร์ตันนี้ เมื่อรวมสองสถิติเข้าด้วยกันอาจเป็นจำนวนที่น้อยที่สุด

และน่าประทับใจที่สุดของคุณลักษณะทั้งหมด ข้อเท็จจริงที่ว่า เอฟเวอร์ตัน ผงาดคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกมาตลอดทั้งฤดูกาลโดยไม่มีใครทำประตูได้เกือบ 100 ประตูนั้น

เป็นเรื่องน่าหัวเราะเล็กน้อย ในขณะที่ ดิกซี ดีน เป็นหนึ่งในสถิติที่ทำลายสถิติได้น้อยที่สุดในวงการฟุตบอล คัลเวิร์ต-เลวิน ที่ถูกพบเห็นน้อยกว่าอาจมีรอยร้าวที่สมเหตุสมผลในการล้มลูกากูออกจากเกาะของเขา โดยจัดการไปแล้ว 46 ประตูในพรีเมียร์ลีกสำหรับท๊อฟฟี่จนถึงปัจจุบัน

นั่นทำให้เขาอยู่ในอันดับที่สี่ในรายการนั้น ซึ่งเป็นอีกครั้งที่โง่มาก

เนื่องจากพวกเขามีประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก 30 ปีเต็มให้เรียกร้อง ฟูแล่ม ผู้ทำประตูสูงสุดในพรีเมียร์ลีก:คลินต์ เดมป์ซีย์ (50 ประตูจาก 184 เกม) ผู้ทำประตูสูงสุดตลอดกาล:กอร์ดอน เดวีส์ (178 ประตูจาก 450 เกม) ผู้ท้าชิงที่ใกล้ที่สุด:อเล็กซานดาร์ มิโตรวิช (25 ประตูในพรีเมียร์ 106 ประตูตลอดกาล) อยู่ครึ่งทางของสถิติของ และแน่นอน

ว่าจะผ่าน ที่ 32 และคว้าตำแหน่งที่สองเมื่อสิ้นสุดฤดูกาล อีกหนึ่งฤดูกาลและเดมป์ซีย์กำลังตกอยู่ในอันตราย คุณคงนึกออก มิโตรวิชอายุ 28 ปีและดูมีความสุขดีและลงหลักปักฐานที่ฟูแล่ม 178 เป็นไปไม่ได้ใช่ไหม ลีดส์ ผู้ทำประตูสูงสุดในพรีเมียร์ลีก:มาร์ค วิดูก้า (59 ประตูจาก 130 เกม) ผู้ทำประตูสูงสุดตลอดกาล:ปีเตอร์ ลอริเมอร์

(238 ประตูใน 703 เกม) ผู้ท้าชิงที่ใกล้ที่สุด: (23 ประตูของเปรม, 24 ประตูตลอดกาล) บันทึกของ นั้นไม่ได้อยู่นอกเหนือไปจากเรดาร์ของ เลย สองสามฤดูกาลที่ดี อย่าผลักไสแม้ว่า หรือย้ายไปสโมสรอื่น นั่นจะทำให้มันดีขึ้น ไม่มีใครรบกวน ในเรื่องที่คาดการณ์ได้อยู่แล้ว เลสเตอร์ ผู้ทำประตูสูงสุดในพรีเมียร์ลีก:เจมี่ วาร์ดี้ (134 ประตูจาก 288 เกม) ผู้ทำประตูสูงสุดตลอดกาล:อาเธอร์ แชนด์เลอร์ (273 ประตูจาก 419 เกม)

ผู้ท้าชิงที่ใกล้ที่สุดในปัจจุบัน:เจมี่ วาร์ดี้ (168 ประตูตลอดกาล), เจมส์ แมดดิสัน (40 ประตูของเปรม) แมดดิสันอยู่ในอันดับสองในรายการพรีเมียร์ลีกของเลสเตอร์ แม้ว่าจะเป็นผู้เล่นตัวหลักเกือบร้อยคนก็ตาม เอมิล เฮสกีย์ทำประตูในพรีเมียร์ลีกให้เลสเตอร์ไปเพียง 33 ประตู เป็นเรื่องที่ทั้งน่าประหลาดใจและน่าประหลาดใจอย่างยิ่ง

ผู้ทำประตูพรีเมียร์ลีก 10 อันดับแรกของเลสเตอร์ 5 คนอยู่ในทีมปัจจุบัน ซึ่งถือว่ามากสำหรับทีมที่มีประวัติค่อนข้างยาวนานในลีก วาร์ดี้ยิงไม่ได้อีก 105 ประตู ใช่หรือไม่? ลิเวอร์พูล ผู้ทำประตูสูงสุดของพรีเมียร์ลีก:ร็อบบี ฟาวเลอร์ (128 ประตูใน 268 เกม) ผู้ทำประตูสูงสุดตลอดกาล:เอียน รัช (346 ประตูจาก 660 เกม)

ผู้ท้าชิงที่ใกล้ที่สุด:โมฮาเหม็ด ซาลาห์ (125 ประตูของเปรม, 173 ประตูตลอดกาล)

สถิติพรีเมียร์ลีกนั้นกำลังจะเกิดขึ้นเร็วๆ นี้ ยกเว้นบางสิ่งที่แปลกประหลาดจริงๆ แต่เอียน รัชจะไม่ไปไหน อย่างไรก็ตาม ท็อปไฟว์ตลอดกาลยังอยู่ในช่วงของซาลาห์ในฤดูกาลนี้ อันดับที่ 5 ตกเป็นของ และ 186 ประตูของเขามักจะยิ่งใหญ่และน่าจดจำ เมืองแมนเชสเตอร์ ผู้ทำประตูสูงสุดในพรีเมียร์ลีก:เซร์คิโอ อเกวโร (184 ประตูจาก 275 เกม) ผู้ทำประตูสูงสุดตลอดกาล:เซร์คิโอ อเกวโร (260 ประตูใน 390 เกม) ผู้ท้าชิงที่ใกล้ที่สุด

:เควิน เดอ บรอยน์ (60 ประตูของเปรม, 89 ประตูตลอดกาล) ตัวเลขของอเกวโรเป็นสถิติประเภทหนึ่งที่สามารถและควรจะคงอยู่ได้นานหลายทศวรรษหรือหลายศตวรรษ แต่เออร์ลิง ฮาลันด์อาจบดขยี้พวกเขาได้ภายใต้เท้าหุ่นยนต์ขนาดใหญ่ของเขาในเวลาประมาณห้าปีหากเขาอยู่ในเมืองแมนเชสเตอร์นานขนาดนั้น แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด

ผู้ทำประตูสูงสุดในพรีเมียร์ลีก:เวย์น รูนี่ย์ (183 ประตูจาก 393 เกม) ผู้ทำประตูสูงสุดตลอดกาล:เวย์น รูนี่ย์ (253 ประตูจาก 559 เกม) ผู้ท้าชิงที่ใกล้ที่สุด:มาร์คัส แรชฟอร์ด (66 ประตูของเปรม, 108 ประตูตลอดกาล) อย่างน้อยเราก็ไม่ต้องแสร้งทำเป็นว่า เป็นผู้ท้าชิงที่ใกล้เคียงที่สุดในทางเทคนิคอีกต่อไป ขอบคุณ เพียร์ส! นิวคาสเซิ่ล

ยูไนเต็ด ผู้ทำประตูสูงสุดในพรีเมียร์ลีก:อลัน เชียร์เรอร์ (148 ประตูจาก 303 เกม) ผู้ทำประตูสูงสุดตลอดกาล:อลัน เชียเรอร์ (206 ประตูจาก 405 เกม) ผู้ท้าชิงที่ใกล้ที่สุดในปัจจุบัน:คัลลัม วิลสัน (26 ประตูของเปรม, 26 ประตูตลอดกาล)

บางทียุคใหม่ของนิวคาสเซิ่ลจะสร้างผู้ท้าชิงในสถิติของวอร์อัล บางทีพวกเขาอาจจะเจอ เซร์คิโอ อเกวโร เป็นของตัวเอง ด้วยความเคารพต่อ คนใหม่ที่ได้รับการปรับปรุง – ผู้ท้าชิงคนนั้นไม่ได้อยู่

ในทีมปัจจุบัน น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ผู้ทำประตูสูงสุดในพรีเมียร์ลีก:ไบรอัน รอย (24 ประตูจาก 85 เกม) ผู้ทำประตูสูงสุดตลอดกาล:เกรนวิลล์ มอร์ริส (217 ประตูจาก 459 เกม) ผู้ท้าชิงที่ใกล้ที่สุดในปัจจุบัน: (4 ประตูของเปรม), (23 ประตูตลอดกาล)

อาจคิดว่า เป็นทีมพรีเมียร์ลีกที่เหมาะสมซึ่งควรจะอยู่ที่นั่นเสมอ แต่พวกเขาไม่ค่อยเป็นเช่นนั้น ไบรอัน รอย! อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครเอาชนะ 24 ประตูในฤดูกาลนี้ได้เลย ไม่มีใครทำได้ใกล้เคียงกับสถิติของ เป็นเวลา 110 ปี

และอาจไม่มีใครทำได้อีก 110 เซาแธมป์ตัน ผู้ทำประตูสูงสุดในพรีเมียร์ลีก:มัตต์ เลอ ทิสซิเอร์ (100 ประตูจาก 270 เกม) ผู้ทำประตูสูงสุดตลอดกาล:มิค แชนนอน (228 ประตูจาก 602 เกม) ผู้ท้าชิงปัจจุบันที่ใกล้ที่สุด: (43 ประตูของเปรม, 49 ประตูตลอดกาล)

นักฟุตบอลที่ผันตัวมาเป็นผู้ฝึกม้าแข่ง มิก แชนนอน เป็นผู้ทำประตูชั้นนำตลอดกาลที่น่ารักอีกคน ในขณะที่ เจมส์ วอร์ด-พราวส์ จะต้องยิงฟรีคิกมากมายก่อนที่เซาแธมป์ตันจะตกชั้นหากเขากำลังจะท้าทายสถิติฮีโร่ของพรีเมียร์ลีกนักพูดความจริง/

นักทฤษฎีสมคบคิดบ้าๆ เรามีความสุขมากที่มีการโต้เถียงกันว่าเขาทำได้ 100

หรือ 101 ประตูในพรีเมียร์ลีก พรีเมียร์ลีกยืนยันที่ 100 และมันก็ขึ้นอยู่กับพวกเขา เราเดาว่า – เพราะเราจินตนาการว่าชายคนนี้มีทฤษฎีเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า วากราติ ยังไม่พร้อมสำหรับ ท็อตแนม ผู้ทำประตูสูงสุดในพรีเมียร์ลีก:แฮร์รี เคน

(198 ประตูจาก 300 เกม) ผู้ทำประตูสูงสุดตลอดกาล:จิมมี่ กรีฟส์ (266 ประตูจาก 379 เกม) ผู้ท้าชิงที่ใกล้ที่สุดในปัจจุบัน: (265 ประตูใน 412 เกม) แน่นอนว่าไม่มีความท้าทายในพรีเมียร์ลีกสำหรับ

ซึ่งกำลังจะกลายเป็นผู้เล่นคนแรกที่ยิง 200 ประตูในพรีเมียร์ลีกให้กับสโมสรเดียว แม้ว่าเป้าหมายของ ซึ่งเป็นฤดูกาลที่สี่ของเขา –

ทำให้เขาอยู่ในระดับเดียวกับ ในอันดับที่สองในปี 97 ยุค 90 ที่กระวนกระวายใจสำหรับกองหน้าสเปอร์สในพรีเมียร์ลีกกับ คีน และ เจอร์เมน เดโฟ ทำได้ 91 ประตูด้วยกัน สิ่งที่เราได้เรียนรู้ผ่านฟีเจอร์นี้คือ

สถิติการทำประตูตลอดกาลของสโมสรไม่ได้ถูกทำลายบ่อยนัก และจำนวนของกรีฟส์ที่กำลังจะตกเป็นของเคนก็เป็นหนึ่งในจำนวนที่น่าประทับใจ เมื่อเขาไปถึงที่นั่น เคนจะกลายเป็นผู้เล่นปัจจุบันเพียงคนเดียวที่มีสถิติดังกล่าวในพรีเมียร์ลีก

และสเปอร์สจะกลายเป็นเพียงสโมสรในลีกสูงสุดลำดับที่หกในปัจจุบันที่ทำลายสถิติดังกล่าวในยุคพรีเมียร์ลีก เวสต์แฮม ผู้ทำประตูสูงสุดในพรีเมียร์ลีก:มิคาอิล อันโตนิโอ (58 ประตูจาก 212 เกม) ผู้ทำประตูสูงสุดตลอดกาล:วิค วัตสัน (297 ประตูจาก 505 เกม) ผู้ท้าชิงที่ใกล้ที่สุดในปัจจุบัน

: (66 ตลอดกาล) ห้าสิบแปดดูเหมือนจะไม่เพียงพอจริงๆ แต่ไม่มีผู้ทำประตูที่ดีสักคนของพวกเขาที่ยืนยงนานพอจริงๆ ใช่หรือไม่? แน่นอนว่า อยู่ได้นานพอ ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงอยู่ร่วมในอันดับสองด้วยอายุเพียง 47 ปี (23)

อาจมีรอยแตกที่ดีหากเขาไม่กระปรี้กระเปร่าและสามารถยืนหยัดได้ วิค วัตสันน่าจะปลอดภัยอยู่พักหนึ่ง หมาป่า ผู้ทำประตูสูงสุดในพรีเมียร์ลีก:ราอูล ฆิเมเนซ (40 ประตูจาก 124 เกม) ผู้ทำประตูสูงสุดตลอดกาล:สตีฟ บูล (306 ประตูจาก 561 เกม) ผู้ท้าชิงที่ใกล้ที่สุดในปัจจุบัน:ฆิเมเนซ (56 ตลอดกาล) คุณไม่สามารถเอาชนะได้เลย UFABETWIN

ตลาดซื้อขายนักเตะในลาลีกา สเปน ช่วงฤดูหนาว ปี 2022 ได้ปิดทำการลงเรียบร้อยแล้ว มีดีลการดึงตัวผู้เล่นจากสโมสรต่างๆ เกือบ 50 ดีล และนี่คือบทสรุปของตลาดนักเตะหน้าหนาวตลอด 1 เดือนผ่านมา

เซบีย่า ดึง 2 แข้งหวังลุ้นแชมป์ลาลีกา
เซบีย่า หวังที่จะคว้าแชมป์ลีกสูงสุดเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1946 ซึ่งในเวลานี้มีแต้มตามหลัง เรอัล มาดริด ทีมจ่าฝูงเพียงแค่ 4 แต้มเท่านั้น ได้เซ็น 2 นักเตะทั้ง เฮซุส โกโรน่า หรือ “เตกาตีโต้” มิดฟิลด์จาก ปอร์โต้ และ อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล กองหน้าจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แบบยืมตัว ที่สำคัญยังรั้งตัว ดิเอโก้ คาร์ลอส เซ็นเตอร์แบ็กตัวเก่งให้อยู่กับทีมต่อไปได้

แอตฯ มาดริด เสริมความแกร่งในแนวรับ
แอตเลติโก้ มาดริด แชมป์เก่าจากฤดูกาลที่แล้ว ทำผลงานในฤดูกาลนี้ได้ไม่ดีนัก เนื่องจากกองหลังของพวกเขาไม่แข็งแกร่งเหมือนเมื่อก่อน จึงได้ดึง 2 ผู้เล่นมาช่วยแก้ปัญหาแนวรับ คือ ดาเนียล วาสส์ แบ็กขวาทีมชาติเดนมาร์กจาก บาเลนเซีย และ เรนิลโด มันดาวา แบ็กซ้ายทีมชาติโมซัมบิกจาก ลีลล์ ชุดคว้าแชมป์ลีกเอิง ฝรั่งเศส เมื่อซีซั่นก่อน

จัดหนัก! บาร์ซ่า เติม 4 แข้งใหม่เสริมทัพบาร์เซโลน่า เสริมผู้เล่นในช่วงตลาดหน้าหนาวปีนี้มากถึง 4 คน นอกจาก ดานี่ อัลเวส แบ็กขวาที่กลับมาช่วยทีมเก่าแล้ว ยังมี เฟอร์ราน ตอร์เรส กองหน้าจาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้, อดาม่า ตราโอเร่ ปีกที่ยืมตัวมาจาก วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส และล่าสุดได้ตัว ปิแอร์ เอเมอริค-โอบาเมยอง ศูนย์หน้าทีมชาติกาบอง ที่ยุติสัญญากับ อาร์เซน่อล ในวันสุดท้ายของตลาดนักเตะรอบนี้

“อาเรโซ” ความหวังใหม่ในแนวรุก กรานาด้า
กรานาด้า มีดีลสำคัญที่เกิดขึ้นในตลาดนักเตะเดือนมกราคมที่ผ่านมา คือ มัทธิอัส อาเรโซ กองหน้าดาวรุ่งวัย 19 ปี ชาวอุรุกวัย ย้ายมาจาก ริเวอร์เพลท มอนเตวิเดโอ สโมสรในบ้านเกิด ผลงานที่ทำไว้กับ ริเวอร์เพลท มอนเตวิเดโอ ลงสนามทุกรายการทั้งหมด 91 นัด ทำได้ 37 ประตู และได้รับความสนใจจากหลายสโมสรในยุโรป สุดท้ายเป็น กรานาด้า ที่ได้ตัวไป

กาดิซ เปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในเดือนมกราคม
กาดิซ ทีมอันดับ 18 ในเวลานี้ มีความเคลื่อนไหวในเดือนมกราคมมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เริ่มจากการเปลี่ยนกุนซือจาก อัลบาโร่ เซอร์เบร่า มาเป็น เซร์คิโอ กอนซาเลซ ขณะที่การเสริมผู้เล่น ก็มีเข้ามาถึง 5 คน ประกอบด้วย ลูคัส เปเรซ (กองหน้า), อุสซามา อิดริสซี่ (ปีกซ้าย), หลุยส์ เอร์นานเดซ (เซ็นเตอร์แบ็ก), รูเบน อัลการาซ และ เฟเด ซาน เอเมเตริโอ (กองกลาง)

เกตาเฟ่ เสริมทัพครั้งใหญ่เพื่อลุ้นอยู่รอด
เกตาเฟ่ ก็เป็นอีกสโมสรที่มีความเคลื่อนไหวในตลาดนักเตะหน้าหนาวอย่างคึกคัก สำหรับการต่อสู้เพื่อหนีตกชั้นในช่วงที่เหลือของซีซั่น นักเตะใหม่ที่เข้ามาในเดือนมกราคม ประกอบด้วย แกสตัน อัลบาเรซ (เซ็นเตอร์แบ็ก), โอเกย์ โยกุสลู (มิดฟิลด์), ออสการ์ โรดริเกวซ (มิดฟิลด์), กอนซาโล่ บียาร์ (มิดฟิลด์) และ บอร์ฆา มาโยรัล (กองหน้า)

คัมแบ็กลีกสเปน! บียาร์เรอัล ยืม “โล เซลโซ่”

ดีลสำคัญดีลหนึ่งของ บียาร์เรอัล ในตลาดนักเตะเดือนมกราคมที่ผ่านมา คือการดึงตัว โจวานนี่ โล เซลโซ่ มิดฟิลด์ทีมชาติอาร์เจนติน่าวัย 25 ปี จาก ท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์ ด้วยสัญญายืมตัวจนถึงจบฤดูกาลนี้ ถือเป็นการกลับสู่ลาลีกาอีกครั้ง หลังเคยเล่นให้กับ เรอัล เบติส เมื่อซีซั่น 2018/19 และโชว์ฟอร์มอย่างยอดเยี่ยม ทำได้ 16 ประตู 6 แอสซิสต์ รวมทุกรายการ

บาเลนเซีย ยืม 2 ดาวรุ่งเสริมความแกร่ง
บาเลนเซีย หนึ่งในทีมยักษ์ใหญ่ของวงการฟุตบอลสเปน ในฤดูกาลนี้มีนโยบายใช้งานผู้เล่นอายุน้อยเป็นหลัก ได้ดึงตัวนักเตะดาวรุ่งมาเสริมในตลาดนักเตะเดือนมกราคมที่ผ่านมาถึง 2 คน คือ อิไลซ์ โมริบา มิดฟิลด์ชาวกินีวัย 19 ปี จาก แอร์เบ ไลป์ซิก และ ไบรอัน จิล ปีกซ้ายชาวสเปนวัย 20 ปี จาก ท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์ ด้วยสัญญายืมตัวจนถึงจบซีซั่นนี้
a
อลาเบส เคลื่อนไหวหวังหนีตกชั้นลาลีกา
โฆเซ่ หลุยส์ เมนดิลิบาร์ เทรนเนอร์คนใหม่ของ อลาเบส กับภารกิจพาทีมลุ้นอยู่รอดในซีซั่นนี้ ได้เสริมผู้เล่นใหม่ 4 ราย ในเดือนมกราคมที่ผ่านมา ประกอบด้วย กอนซาโล่ เอสกาลันเต้ มิดฟิลด์วัย 28 ปี ที่เคยร่วมงานด้วยกันสมัยคุมทีม เออิบาร์, มานู บัลเยโฆ่ กองหน้าวัย 24 ปี, เจสัน ปีกขวาวัย 27 ปี และ นาฮูเอล เตนาเลีย แบ็กขวาวัย 25 ปี

3 นักเตะจอมเก๋ากลับคืนสู่ลาลีกาอีกครั้ง
ตลาดซื้อขายนักเตะฤดูหนาวปีนี้ ได้มีนักเตะที่เคยผ่านประสบการณ์ในลาลีกาอย่างโชกโชน กลับมาค้าแข้งในลีกเดิมอีกครั้ง ได้แก่ เซร์คิโอ ริโก้ ผู้รักษาประตู เรอัล มายอร์ก้า ที่เคยลงเฝ้าเสาให้ เซบีย่า 114 นัด, ราฟินญ่า มิดฟิลด์ เรอัล โซเซียดัด ที่เคยเล่นให้ บาร์เซโลน่า กับ เซลต้า บีโก้ รวมถึง มาร์ติน การเซเรส กองหลัง เลบันเต้ ที่เคยลงเล่นในลีกสูงสุด 86 นัด

UFABETWIN

UFABETWIN ผู้เล่นอาร์เซนอลสี่คนในทีมพรีเมียร์ลีกของฤดูกาลจนถึงตอนนี้

UFABETWIN ทีม ของฤดูกาลจนถึง ระยะที่ 1 ของฤดูกาลพรีเมียร์ลีกที่มีโครงสร้างน่าขันนี้สิ้นสุดลง ฉันคิดว่าฉันจะตั้งชื่อทีมปัจจุบันของฉันในปีนี้:การแบ่งปันความรับผิดชอบในการทำประตูนั้นดี… การมี อยู่ในทีมของคุณเป็นเรื่องที่ดี

แต่อาจมีคนโต้แย้งว่าการพึ่งพาผู้ทำประตูคนเดียวมากเกินไปนั้นเสี่ยงเกินไป ฉันได้พัฒนามาตรวัดทางสถิติของระดับที่ทีมต่างรับผิดชอบในการให้คะแนนเป้าหมาย ขั้นแรก ให้คำนวณเศษส่วนของเป้าหมายของทีมที่ทำแต้มโดยผู้เล่นแต่ละคนในทีม

(ตัวอย่างเช่น มีเศษส่วนของ .47 หรือประมาณครึ่งหนึ่งของเป้าหมายของเมือง) จากนั้นยกกำลังสองตัวเลขเหล่านี้ บวกเข้าด้วยกัน และลบผลรวมจาก 1.0 หากประตูทั้งหมดของทีมทำได้โดยผู้เล่นเพียงคนเดียว ผลสุดท้ายคือ 1.0 – 1.0 หรือศูนย์

หากความรับผิดชอบในการทำประตูกระจายอย่างเท่าเทียมกันในหมู่ผู้เล่นจำนวนมาก ตัวเลขจะเข้าใกล้ 1.0 นี่คือตัวเลขปัจจุบันสำหรับทีม EPL:
เชลซี 0.89
อาร์เซนอล 0.88
เวสต์แฮม 0.86
เซาแธมป์ตัน 0.85
วิลล่า 0.85
แมนฯ ยูไนเต็ด 0.84
นิวคาสเซิล 0.83
เอฟเวอร์ตัน 0.82
บอร์นมัธ 0.82
ลิเวอร์พูล 0.82
เลสเตอร์ 0.81
ลีดส์ 0.79
ฟอเรสต์ 0.79
เบรนท์ฟอร์ด 0.79
ฟูแล่ม 0.76
ท็อตแนม 0.76
ไบรตัน 0.74
พาเลซ 0.73
แมนฯ ซิตี้ 0.73
วูล์ฟแฮมป์ตัน 0.66

อย่างที่ผมสงสัย อาร์เซนอลอยู่ใกล้ด้านบน และแมนฯซิตี้อยู่ใกล้ด้านล่าง รอน เจเรเมียส, เวอร์จิเนีย, สหรัฐอเมริกา (อาร์เซนอล)เมื่อไหร่ฟอร์มจะกลายเป็นคลาส?ความคิดหนึ่งผุดขึ้นในใจฉันเมื่ออ่านกล่องจดหมายและมันเป็นความคิดโบราณที่ว่า ‘

รูปแบบชั่วคราว ชั้นเรียนเป็นแบบถาวร’ ซึ่งตอนนี้มักใช้สำหรับทีมนอกฟอร์มที่ดีที่คาดว่าจะกลับมามาดูอาเซนอลกัน ลืมการตัดสินใจ โชค พวกเขาทำคะแนนได้มากกว่าคู่ต่อสู้และชนะเกม การเล่นที่ยุติธรรม ผู้เข้าแข่งขันชื่อพวกเขาแต่มีใครบ้างที่คิดว่าพวกเขา

ดูเหมือนทีมที่กำลังเล่นอยู่ในจุดสูงสุดโดยไม่มีระดับพิเศษเช่นในฟอร์ม ฉันคิดว่าลิเวอร์พูล ’09/’14 ที่นี่ พวกเขามีอะไรที่พิเศษกว่านั้นเล็กน้อยที่เรารู้ว่าซิตี้สามารถหาทางรักษาหัวของพวกเขาให้อยู่เหนือน้ำได้หรือไม่?คำถามคือ แบบฟอร์มนี้จะอยู่ได้นานแค่ไหน?

ฤดูกาลหลังการคว้าแชมป์เหล่านั้น ลิเวอร์พูลกลับคืนสู่บรรทัดฐาน เช่น หลังจากรองแชมป์เราไม่สามารถจบใน 3 อันดับแรกใน 5 ฤดูกาล (ไม่ใช่คู่แข่งที่สม่ำเสมอแน่ๆ ใช่ไหม) เราสูญเสียผู้เล่นหลักและขาดคุณภาพในทีมที่เหลือเพื่อให้แสดงได้ในระดับสูง/

ส่งเสริมให้ผู้เล่นคุณภาพสูงสุดคนอื่นๆ เข้าร่วม มันน่าสนใจที่จะเห็นว่า คืบหน้าอย่างไรและหากพวกเขายังคงลงทุนกับต่อไป เหตุผลที่ผมพูดแบบนี้ก็เพราะว่ากันตามจริง อาร์เซนอลภายใต้อาร์เตต้าในช่วงสองสามฤดูกาลที่ผ่านมาทำได้ค่อนข้างธรรมดา

จบนอก 4 อันดับแรกใน 3 ครั้งล่าสุด จากนั้นดูเหมือนว่าการคว้าแชมป์นั้นดูเหมือนการก้าวกระโดด ยั่งยืนหรือไม่? ถ้าได้แชมป์ลีกจะสำคัญไหม? พวกเขาอยู่ในรูปแบบหรือไม่? หรือว่าเป็นพวกชั้น? บรรทัดฐานสำหรับทีมนี้คืออะไร?

แน่นอนว่ามันใช้ได้กับลิเวอร์พูลเช่นกัน ฟอร์มแย่ๆ นี้จะกลายเป็นตัวตนของเราเมื่อไหร่? ฉันจะบอกว่าฟอร์มของแชมเปี้ยนส์ลีกทำให้เราลอยได้ในฤดูกาลนี้ เราต้องการ ‘พักร้อน’ นี้โดยเร็วมาร์คคู่บ้านคู่ควรอะไรจะเป็นเรื่องรองบ่อนที่ใหญ่กว่า

–อาร์เซนอลจะคว้าแชมป์ลีก หรือ โทนี่ อดัมส์ ชนะอย่างเข้มงวด?หมวก (โคลัมโบ)การขาดความสนใจในฟุตบอลโลกเป็นเรื่องของจังหวะเวลา ไม่ใช่กาตาร์การขาดความตื่นเต้นเกี่ยวกับการแข่งขันฟุตบอลโลก แต่ไม่ค่อยเกี่ยวข้องกับกาตาร์เกี่ยวกับ

สถานที่และทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับการเล่นฟุตบอลโลกในช่วงกลางฤดูกาลคำนำของฟุตบอลโลกมักจะตรงไปตรงมาหลังจากที่ถ้วยรางวัลในประเทศได้มอบให้กับทีมอื่นที่ไม่ใช่ของผม ทุกสองปีที่เราหลับใหลโดยไม่ได้เล่นฟุตบอลสักสองสามเดือน

ถูกแทนที่ด้วยความตื่นเต้นที่จะได้โต้วาทีกันว่าใครควรติดทีม กระชับมิตรทีมชาติ และการโต้เถียงกันว่าใครควรเข้ารอบสุดท้าย จากนั้นจึงทำการตัดแล้วจึงค่อยอภิปรายกันมากขึ้น จากนั้นเราก็เข้าสู่ทัวร์นาเมนต์โดยรู้ว่าใครกำลังเล่นอยู่

เรากำลังเล่นอย่างไร และกำลังเล่นกับใคร เนื่องจากสื่อจะทำให้เราสำลักในเรื่องนี้มาหลายสัปดาห์ กระชับมิตรจะบอกเราถึงโอกาสในการเริ่มต้น XI แต่เราจะยัง เถียงกันจนตายอย่างไรก็ตาม คราวนี้ ไม่ว่าโรนัลโด้จะเข้าทำงานหรือไม่ก็ยัง

ได้คอลัมน์นิ้วมากกว่าเรื่องที่เกี่ยวข้องกับฟุตบอลโลก และที่จริงแล้ว เราทุกคนสนใจมากขึ้นว่าทีมของเราจะทำอย่างไรในตอนนี้เพื่อใส่ใจฟุตบอลโลกมากเกินไป ฉันคิดว่าเราจะเชียร์อังกฤษถ้าเรามีผลงานที่ดีเพียงครึ่งเดียวในเกมแรกและร้องไห้

ในเบียร์ของเราเมื่อเราดวลจุดโทษและกลับไปยังสถานที่ ผมเป็นคนหนึ่งที่อยากดูบอล อย่างไรก็ตาม ฉันหวังว่าจะมีความขัดแย้งมากมายที่เน้นประเด็นเบื้องหลังในตะวันออกกลาง อย่าลืมว่าเงินยูโรเป็นตอนที่โรนัลโด้สร้างความฮือฮาด้วยการเอาขวด

โค้กออกจากหน้าเขา – หุ้นโค้กร่วงลง ฉันหวังว่าผู้เล่น แฟนๆ

และนักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิที่เท่าเทียมกันจะมีวิธีที่มีประสิทธิภาพในการทำให้เกิดความโกลาหลครั้งใหญ่ ฟีฟ่าในอดีตไม่เกี่ยวกับการเมือง แต่พวกเขาจะต้องเข้ามาเกี่ยวข้องที่นี่ ระหว่างนี้ฉันคงจะยังดูทีวีอยู่จนกว่าอังกฤษจะออกฉันรู้สึกขอบคุณคนอื่น

ที่เน้นย้ำความโหดร้ายเพื่อให้ความรู้แก่ผู้คนเช่นฉัน อย่างไรก็ตาม ความโหดร้ายครั้งแรกคือการให้สินบนและการทุจริตในการให้รางวัลการแข่งขันกับกาตาร์เป็นอันดับแรก และหลังจากการให้รางวัลแบบลวกๆ เท่านั้น เราไม่สามารถรับได้ในช่วงซัมเมอร์

ฟุตบอลอื่นๆ ทั้งหมดจะต้องย้ายออกไปจอน เคปทาวน์ใครควรเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก?มีจะเป็นและควรกังวลอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับกาตาร์ที่เป็นเจ้าภาพการแข่งขันฟุตบอลโลก แต่ – และฉันถามด้วยความจริงใจ – ใครจะเป็นประเทศเจ้าภาพฟุตบอลโลกที่ดี

และเหมาะสม? คุณต้องการเข้าถึงจุดที่น่าสนใจของ (แอฟริกาใต้ 2010) โดยไม่มีปัญหาเรื่อง (เช่นในเกาหลี/ญี่ปุ่น 2002) ) และความปลอดภัย (รอบชิงชนะเลิศยูโร 2021 ของอังกฤษและรอบชิงชนะเลิศแชมเปี้ยนส์ลีกของฝรั่งเศสปี 2022 ของฝรั่งเศสไม่ได้ช่วยอะไรเลย)

นอกจากนี้ยังมีเกณฑ์ที่สำคัญพอสมควรของ(ล้มเหลว น่าเศร้า โดยกาตาร์ 2022 รัสเซีย 2018 อาร์เจนตินา 1978 และอิตาลี 1934)

ประเทศ/ชุดค่าผสมต่อไปนี้แสดงความสนใจอย่างจริงจังในการเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก 2030:

– โมร็อกโก
– อุรุกวัย/อาร์เจนตินา/ปารากวัย/ชิลี
– สเปน/โปรตุเกส/ยูเครน
– อียิปต์/กรีซ/ซาอุดีอาระเบีย
– ออสเตรเลีย/อินโดนีเซีย
– จีน
– โคลอมเบีย/เอกวาดอร์/ เปรู
– คาซัคสถาน
– อิสราเอล/สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์/บาห์เรน

โดยส่วนตัวแล้ว ฉันชอบรูปลักษณ์ของโมร็อกโกหรือหนึ่งในข้อเสนอของอเมริกาใต้… แต่ประเทศซาอุดีอาระเบีย จีน และบ้านเกิดของ นั้นสร้างเงาที่ยาวนานและน่าสลดใจต่ออนาคตของการแข่งขันฟุตบอลโลกผู้สมัครคนไหนที่จะเป็นตัวเลือกที่ต้องการของ

และเพราะเหตุใดมาร์ค เคปทาวน์แน่นอนว่านิวคาสเซิ่ลต้องการเงิน…ให้ฉันเริ่มต้นด้วยการบอกว่าพี่ชายของฉันเป็นแฟนของนิวคาสเซิลจากดับลินซึ่งถือตั๋วฤดูกาลสำหรับนิวคาสเซิลเป็นบางครั้ง ดังนั้นฉันจะไม่ดึงสิ่งนี้ออกจากตูดของฉันดังนั้นสำหรับเจมส์และคนอื่น ๆ

ทุกคนที่คิดว่านิวคาสเซิลกำลังพัฒนาแม้จะมีการลงทุนที่น่าสงสัย นี่คือสิ่งที่ใช่สำหรับคุณอย่างแรกเลย ไม่มีแดน แอชเวิร์ธ คุณรู้จักผู้ชายที่ทำให้การเซ็นสัญญาเกิดขึ้นจริง ๆ เหรอ? เบื้องหลังความสำเร็จของสโมสรเมื่อไม่นานมานี้ เขาไม่เคยเข้าร่วมนิวคาสเซิล

โดยปราศจากซาอุดิอาระเบียอยู่ในค่าจ้างโง่ต่อปี ไมค์แอชลีย์จะจ่ายให้หรือไม่?และสำหรับผู้เล่นก่อนการลงทุนทั้งหมดที่เล่นจากสกินของพวกเขา? เอาจริงดิ? หากคุณทำงานที่ไหนสักแห่งและข้ามคืน คุณจะถูกแทนที่โดยพนักงานที่เก่งกว่าและมีโอกาสได้ขึ้นรถ

ไฟน้ำเกรวี่ คุณจะไม่พยายามให้มากกว่านี้หรือผมไม่มีปัญหากับนิวคาสเซิ่ล มันไม่ได้แย่ไปกว่าซิตี้หรือเชลซีก่อนหน้านั้นเลย ขายวิญญาณไปเมื่อหลายสิบปีก่อน และการดูเศรษฐีโกหก โกง และเล่นตายยากขึ้นแต่ฉันมีปัญหากับเรื่องไร้สาระทั้งหมดที่อยู่รอบ ๆ

นิวคาสเซิลในขณะนี้ เหตุผลเดียวและฉันหมายถึงเหตุผลเดียวที่นิวคาสเซิลอยู่ในขณะนี้คือการลงทุน และไม่ว่าริชาร์ด คีย์ส หรือมนุษย์นีแอนเดอร์ทัลที่ลากนิ้วก้อยจะพูดอะไร

นั่นคือความจริง และเงินก็สกปรก เช่นเดียวกับสโมสรอื่น ๆ อีกมากมายมันเหมือนกับยาสลบในกรีฑา ถึงจุดหนึ่งเราก็ต้องพูดว่า เลิกยุ่งเถอะ ยังไงก็หยุดเธอไม่ได้ อัล ดับลิน (วงเล็บยังคงสำคัญ) UFABETWIN

กินอาหารไม่สนโภชนาการ เน้นอร่อยเข้าว่า ติดเหล้า ชอบใช้เวลาว่างกับขวดเบียร์และตู้สล็อต เบื่อหน่ายเรื่องการเข้าประชุมเรื่องแทคติกก่อนเกม … ทั้งหมดคือคุณสมบัติของนักเตะที่มีความไม่เป็นมืออาชีพอย่างแท้จริง และมันคือคุณสมบัติของ พอล แกสคอยน์ ด้วย

ด้วยทุกอย่างที่ว่ามาต่อให้มีพรสวรรค์แค่ไหนก็ไม่น่าไปรอดได้ในเกมระดับสูง แกซซ่า ก็เคยเกือบไปถึงจุดนั้น ทว่าโชคดีที่เขาได้เจอกับ เซอร์ บ็อบบี้ ร็อบสัน กุนซือทีมชาติอังกฤษเสียก่อน เรื่องทั้งหมดจึงเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง และทำให้เขาถูกเรียกในช่วงเวลาหนึ่งว่า “นักเตะที่มีพรสวรรค์ที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลอังกฤษ”

จากนักเตะที่ไม่เคยฟังใคร เซอร์บ็อบ เปลี่ยนเขาได้อย่างไร ด้วยวิธีไหน และยากแค่ไหน ?

อัจฉริยะแห่งเกาะอังกฤษ

อังกฤษ เปรียบเสมือนดินเเดนต้นกำเนิดของฟุตบอล ประเทศนี้สร้างนักเตะเก่ง ๆ ขึ้นมามากมายจนกระทั่งวงการฟุตบอลของพวกเขาเดินทางมาจนถึงช่วงปลายยุค 80s ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ พอล แกสคอยน์ สร้างชื่อขึ้นมาในฐานะ “เด็กมหัศจรรย์จาก นิวคาสเซิล” สำนักข่าวน้อยใหญ่ต่างการันตีและบอกว่าเขาคนนี้คือนักฟุตบอลอังกฤษที่มีพรสวรรค์มากที่สุดในประวัติศาสตร์ … ทำไมเขาถึงถูกยกย่องขนาดนั้น ?

เรื่องราวของ พอล แกสคอยน์ นั้นมีจุดพลิกผันมาตั้งแต่ตอนที่เขายังเด็ก ชื่อเต็ม ๆ ของเขาคือ พอล จอห์น แกสคอยน์ ได้แรงบันดาลใจจากชื่อของ พอล แม็คคาร์ทนี่ย์ และ จอห์น เลนน่อน 2 สมาชิกของวงดนตรีระดับตำนานของอังกฤษอย่าง

พรสวรรค์ทั้งหมดของ แกสคอยน์ เกือบไม่เกิดขึ้นเเล้ว เพราะในวัยเด็กเขามีปมในจิตใจและกระทบกับสุขภาพจิตอย่างหนักหน่วง เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นตอนที่เขาอายุ 10 ขวบ แกสคอยน์ สนิทกับเพื่อนบ้านวัย 6 ขวบที่ชื่อว่า สตีเวน สปรากกอน วันหนึ่ง แกสคอยน์ พา สตีเวน เดินข้ามถนน แต่กลับเกิดอุบัติเหตุทำให้ สตีเวน โดนรถชนเข้าอย่างจังจนเสียชีวิตคาที่

แกสคอยน์ ตำหนิตัวเองในเรื่องนี้ เขาเล่าว่าเขาไม่กล้ามองเด็กผู้ชายไปชั่วขณะหนึ่งเพราะคิดว่าตัวเองเป็นคนผิด นอกจากนี้เขายังมีอาการที่คล้ายกับโรคทูเร็ตต์ (โรคที่แสดงอาการกระตุกของกล้ามเนื้อหลาย ๆ มัดพร้อม ๆ กัน นอกจากนี้ยังอาจมีการเปล่งเสียงออกมาจากลำคอหรือจากจมูกออกมาเองโดยไม่ตั้งใจ) … โรคนี้อยู่กับเขาราว ๆ 2 ปี ก่อนที่ แกสคอยน์ จะได้พบสิ่งที่ช่วยชีวิตเขาเอาไว้นั่นคือ “ฟุตบอล”

ฟุตบอลทำให้โรคทูเร็ตต์ของ แกสคอยน์ หายไป โดยอดีตเพื่อนร่วมทีมในวัยเด็กของเขาที่ชื่อว่า ไบรอัน ทินเนียน พูดถึง แกสคอยน์ ในวัยเด็กว่า “แกซซ่ามีพรสวรรค์ที่น่าเหลือเชื่อ นี่คือคำจำกัดความของคำว่าเก่งโดยธรรมชาติ คุณไม่สามารถฝึกสอนเขาได้หรอก”

สิ่งที่ ทินเนียน พูด กำลังบอกอะไร ? ประการแรกเลยคือฟุตบอลอังกฤษไม่ได้ขึ้นชื่อในเรื่องของนักเตะที่มีเทคนิคแพรวพราวหรือมีเบสิกฟุตบอลเก่งระดับเหนือชั้น และใช้ความรู้สึกกับสมองในการเล่นและเเก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า เรียกง่าย ๆ ก็คือการเป็นนักเตะที่เตะไม่ได้ไล่ไม่จน เอาตัวรอดได้ทุกครั้งไปเหมือนที่ แกสคอยน์ เป็น

เรื่องนี้เราไม่ได้พูดเกินจริง มีความสงสัยมากมายเกี่ยวกับเรื่องของนักเตะอังกฤษโดยเฉพาะในเรื่องของเทคนิคและการเอาตัวรอด และเราได้ข้อมูลจากเว็บไซต์ ที่เขียนบทความว่า “ทำไมนักเตะอังกฤษจึงมีปัญหาเรื่องเทคนิคเฉพาะตัว” โดยตามที่พวกเขาสรุปคือการเติบโตของเด็ก ๆ อย่างมีระบบระเบียบที่ชัดเจน เด็ก ๆ จะได้ลงเล่นสนาม 11 คนตั้งแต่อายุยังน้อย ดังนั้นเมื่อเล่นสนามใหญ่พวกเขาจึงเน้นเรื่องพละกำลัง ร่างกาย และความเข้าใจเกมเป็นหลักเพื่อให้ได้ซึ่งชัยชนะมา

ปาทริค วิเอรา ตำนานนักเตะของ อาร์เซน่อล ผู้ได้ถูกบรรจุเข้า ฮอลล์ ออฟ เฟรม ของพรีเมียร์ลีก ก็เคยพูดถึงเรื่องนี้ว่า “ฟุตบอลเยาวชนในอังกฤษหมกมุ่นอยู่กับความต้องการที่จะชนะมากเกินไป นักเตะเด็ก ๆ ถูกสอนให้ชนะมาตั้งแต่ 10 ขวบ และการอยากเอาชนะนั้นมักมาในรูปแบบของการยืนในเเดนตัวเองและใช้บอลยาวในการตัดสินเกมจากจังหวะไม่กี่ครั้ง”

ทั้งหมดที่ วิเอรา พยายามจะบอกก็คือนักเตะอังกฤษนั้นโตมาอย่างเป็นระบบ เน้นความสำเร็จ และชัยชนะเป็นอันดับแรก ซึ่งมันแตกต่างกับนักเตะในบราซิล สเปน หรือหลาย ๆ ชาติที่มีนักเตะที่โดดเด่นเรื่องเทคนิคมากกกว่า ที่ บราซิล เด็ก ๆ โตมากับการเล่นฟุตบอลข้างถนนทำให้มีทักษะการเอาตัวรอดที่เด่นชัดในแง่ของทักษะพื้นฐานต่าง ๆ

ขณะที่ สเปน ยิ่งชัดมาก นักข่าวชาวอังกฤษที่ประจำการในสเปนเล่าว่า เขาเคยพูดคุยกับนักเตะที่ค้าแข้งในสเปนอย่าง อายเมริก ลาปอร์ต กองหลังของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ณ ปัจจุบันว่า แม้ตัวของ ลาปอร์ต จะเติบโตมากับระบบอคาเดมีของฟุตบอลฝรั่งเศส แต่เมื่อมาที่สเปนที่นี่ก็สอนเทคนิคให้เขามากในแบบที่เขาไม่เคยเจอ ชนิดที่ว่ามันเป็นหน้าต่างบานใหม่แบบที่ ลาปอร์ต ไม่เคยเจอมาก่อน

อีกคนที่ คาร์ตลิดจ์ เคยพูดคุยด้วยคือ อองตวน กรีซมันน์ นักเตะที่เติบโตในฝรั่งเศส และโดนหลายทีมมองข้ามเพราะตัวเล็กร่างกายไม่แข็งแรง แต่พอ กรีซมันน์ มาอยู่กับทีมอย่าง เรอัล โซเซียดัด ทีมที่เลือกเขาจากทักษะที่เขามี กรีซมันน์ ก็ได้รับการฝึกฝนต่อยอดให้เป็นยอดนักเตะที่มีแชมป์โลกการันตี

เมื่อ คาร์ตลิดจ์ ถูกถามว่า “ถูกต้องหรือไม่ที่เราจะสรุปได้ว่าที่สเปนนั้นฝึกเทคนิคมากกว่ากายภาพ ไม่เหมือนกับที่อังกฤษที่เน้นกันคนละแบบ” คาร์ตลิดจ์ ก็บอกว่า “ใช่ แน่นอนอย่างไม่ต้องสงสัยเลย” เท่านี้เรื่องของทักษะของนักเตะอังกฤษก็น่าจะพอชัดขึ้นบ้างว่าพวกเขาไม่ได้ไม่เก่ง แต่พวกเขาแค่ไม่ถนัดเรื่องเทคนิคการเอาตัวรอดอะไรเทือกนั้นมากกว่า

เราจึงมักเห็นนักเตะอังกฤษยุคก่อนที่เน้นเรื่องสภาพจิตใจแข็งแกร่ง พละกำลังดี แข็งแรง วิ่งเร็ว และเล่นฟุตบอลด้วยความห้าวไม่กลัวใคร แตกต่างกับนักเตะของ สเปน หรือ บราซิล ที่ลื่นไหลไล่ไม่จนมาตั้งแต่ยุคก่อน เปรียบเทียบง่าย ๆ ตั้งแต่ยุคที่นักเตะที่ดีที่สุดของอังกฤษอย่าง เซอร์ บ็อบบี้ ชาร์ลตัน กับนักเตะที่ดีที่สุดของบราซิลในช่วงยุค 60s อย่าง เปเล่ แม้จะเกิดไม่ทันแต่ถ้าคุณได้เห็นคลิปวิดีโอวิธีการเล่นของทั้งคู่ คุณเองก็จะได้เห็นถึงความแตกต่างของวิธีการเล่นโดยชัดเจน

 

 

ชาร์ลตัน เก่งกาจ จบสกอร์คมเฉียบขาด จ่ายบอลด้วยน้ำหนักที่พอดีเป๊ะเหมือนชั่งมาจากบ้าน เบสิกฟุตบอลเเน่น ทักษะเองก็ชั้นหนึ่ง แต่ เปเล่ ก็เป็นนักฟุตบอลที่ทำในสิ่งที่นักเตะหลายคนบนโลกนี้ทำไม่ได้ นั่นคือการเลี้ยงเดี่ยวหลบได้ทั้งสนาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฟุตบอลยุคนั้นที่ไล่เตะไล่หวดกันแบบไม่เซฟผู้เล่นมากมายนัก เปเล่ ก็สามารถเอาตัวรอดได้ด้วยเทคนิคที่น่าเหลือเชื่อที่หลอกคู่แข่งหัวทิ่มหัวตำไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง

ตัดภาพกลับมาที่ยุค 80s ที่ แกสคอยน์ ถูกเรียกว่า “นักเตะที่มีพรสวรรค์มากที่สุดในประวัติศาสตร์” เราสามารถเข้าใจสิ่งนี้ได้ในทันที เพราะ แกสคอยน์ แตกต่างกับนักเตะคนอื่น ๆ บนเกาะอังกฤษ เขาอยากเล่นแบบไหนเขาก็เล่น เขามีความคิดสร้างสรรค์ไอเดียมากมายเกินกว่าที่ใครจะมาบังคับเขาได้ ว่าง่าย ๆ คือสิ่งที่เขามีทำให้เขาหลุดจากเบ้าพิมพ์นักเตะแบบอังกฤษออกมาได้อย่างชัดเจนที่สุด

ความแสบของ แกซซ่า

แกสคอยน์ ขึ้นชุดใหญ่ของทีมนิวคาสเซิล ตั้งแต่อายุ 17 ปี ตอนนั้น แจ็คกี้ ชาร์ลตัน ตำนานนักเตะผู้ล่วงลับของ นิวคาสเซิล มักจะเรียกเขาว่า “ไอตุ้ยนุ้ย” เหตุผลมาจาก แกสคอยน์ มาจากครอบครัวที่ยากจนต้องกินอาหาราคาถูกไม่มีคุณค่าทางโภชนาการมาตั้งแต่เด็กนั่นเอง

แต่จะอ้วนตุ้ยนุ้ยแค่ไหนทุกคนที่ นิวคาสเซิล ณ ตอนนั้นก็รู้ดีว่ามันไม่ใช่ปัญหาเลย แกสคอยน์ คือสุดยอดของพรสวรรค์ชนิดที่ว่าถ้าจะเก่งขนาดนี้อยากทำอะไรก็ทำไปเถอะ ไม่มีใครห้ามเขาได้หรอก

“ทักษะของเขามันน่าเหลือเชื่อ โคตรน่าเหลือเชื่อ เขาแสดงให้เห็นแล้ว ผมเชื่อว่าคุณก็รู้ดี ถึงจะดูเหมือนเป็นคนที่ชอบกินแม็คโดนัลด์มากไปหน่อยก็ตาม อย่างไรก็ตามสำหรับผมเขาคือนักฟุตบอลที่เก่งที่สุดในโลก” แจ็คกี มิลเบิร์น ตำนานของทีมสาลิกาดงพูดประโยคนี้ถึง แกซซ่า และมันก็พอจะบอกได้ว่า ลากยาวมาตั้งแต่ตอนที่เขาเล่นฟุตบอลครั้งแรกจนกระทั่งถึงทีมชุดใหญ่พรสวรรค์ของ แกสคอยน์ ยังคงเป็นเรื่องน่าประหลาดใจสำหรับวงการฟุตบอลอังกฤษเสมอ

อีกหนึ่งสิ่งที่ตีคู่มากับคำว่าพรสวรรค์ของ แกสคอยน์ คือการถูกเรียกว่า “นักเตะที่ไม่มีใครสามารถควบคุมได้” เขาเป็นเหมือนคนที่อยากจะทำอะไรก็ทำ มีเรื่องราวนอกสนามเกิดขึ้นมากมายทั้งในแง่ความแสบสันแบบปนฮาหรือบางครั้งก็ฮาไม่ออกเพราะเป็นเรื่องที่ดูร้ายแรงจริง ๆ เช่นการตบตีภรรยาของเขาในช่วงที่เขาเล่นให้กับลาซิโอ

คุณคงพอจะนึกภาพของเขาออก แกซซ่า ก็คงคล้าย ๆ กับ มาริโอ บาโลเตลลี่ ที่ใครก็บอกว่ามีพรสวรรค์แต่ขาดระเบียบวินัยและทัศนคติของผู้ชนะเหมือนกับที่นักเตะอย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ หรือ ลิโอเนล เมสซี่ เป็น ชีวิตค้าแข้งของ แกสคอยน์ จึงไม่ประสบความสำเร็จมากอย่างที่ควรจะเป็น

เรื่องนี้ไม่ได้เกินจริง เทอร์รี่ เวนาเบิลส์ กุนซือที่เคยร่วมงานกับ แคสคอยน์ ยังเคยพูดถึง แกซซ่า ในวันที่เขาย้ายจาก สเปอร์ส ไปอยู่กับ ลาซิโอ ในปี 1992 ว่า “ผมยินดีด้วยกับพอลสำหรับการย้ายทีมครั้งนี้ แต่สำหรับลาซิโอพวกเขาจะต้องรู้สึกเหมือนกับได้เห็นแม่ยายกำลังขับรถรุ่นใหม่ล่าสุดที่พวกเขาซื้อมาเองกับมือไต่หน้าผาแน่นอน” เท่านี้ก็พอจะบอกได้ว่า แกซซ่า ควบคุมยากขนาดไหน

ทว่าที่สุดเเล้วถึง แกซซ่า จะถูกใครควบคุมไม่ได้หรือไม่ฟังใครแค่ไหน เขากลับกลายเป็นอีกคนทันทีเมื่ออยู่ต่อหน้าชายที่ชื่อว่า “บ็อบบี้ ร็อบสัน” คนที่ทำให้แบดบอยอันดับ 1 แห่งวงการยอมหยุดทัศนคติแย่ ๆ ที่ใช้แต่เพียงพรสวรรค์ และมอบแต่ความเคารพให้เท่านั้นตลอดช่วงเวลาที่ทั้งคู่ร่วมงาน … ถ้าเป็นสมัยนี้ก็ต้องเรียกว่า เซอร์บ็อบ คือคนที่มี “คู่มือ” การใช้งาน แกซซ่า มากที่สุด และสิ่งที่อยู่ในคู่มือนั้นก็ถูกเปิดเผยออกมาในวันที่ เซอร์บ็อบ จากโลกใบนี้ไป

ผมเปลี่ยนเขาได้

การร่วมงานกันของ แกซซ่า และ เซอร์บ็อบ เกิดขึ้นครั้งแรกในช่วงปี 1988 ณ เวลานั้น เซอร์บ็อบ เป็นกุนซือทีมชาติอังกฤษ และเขาตัดสินใจเรียก แกสคอยน์ ติดทีมชาติเป็นครั้งแรกในชีวิต

แกซซ่า ลงเล่นเกมแรกกับ เดนมาร์ก แต่ก็ให้เวลาเขาแค่ไม่กี่นาที … จนกระทั่งมาถึงเกมกับทีมชาติ แอลเบเนีย เซอร์ บ็อบ ให้เวลากับ แกซซ่า มากขึ้น และเขาก็ทำประตูแรกในนามทีมชาติได้

“ดูเหมือนเขาจะเป็นนักเตะแห่งอนาคตของทีมเลยนะครับ แต่ทำไมคุณถึงชอบให้เขาลงมาเป็นตัวสำรอง มันเกิดขึ้นมาเเล้วถึง 3 ครั้ง มาจนถึงตอนนี้เขาลงเล่นให้ทีมชาติไม่ถึง 45 นาทีเลย แต่คืนนี้เขาเก่งมากจริง ๆ เขายิงประตูสวย ๆ ให้คุณเห็นด้วย คุณคิดว่ายังไง ควรเอายังไงกับเรื่องของเขาดีหลังจากนี้” สื่อถาม เซอร์บ็อบ หลังจบเกมแกมกดดันให้ใช้งาน แกซซ่า มากขึ้น ขณะที่ เซอร์บ็อบ ก็ตอบกลับว่า

“ใช่เขาทำได้ดีเลย เดี๋ยววันพรุ่งนี้เขาจะต้องมานั่งคุยกับผมแบบตัวต่อตัวเป็นเวลา 2 ชั่วโมง เเล้วผมจะทำให้ความมั่นใจทั้งหมดที่เขามีกลับมาปรากฏขึ้นอีกครั้ง … คืองี้นะ”

“คุณรู้ไหม แกซซ่า เป็นคนที่ขาดความมั่นใจกับผลงานของเขาในช่วงหลัง เขาเป็นเหมือนกับเด็กที่สั่งสอนยาก ทุกครั้งที่เราพยายามจะเล่นบอลจังหวะเดียวเขาจะพยายามเล่นอะไรที่มันมากกว่านั้น เขาเหมือนคนที่เล่นฟุตบอลพร้อมกัน 2 ลูก ลูกแรกเพื่อทีมและลูกที่ 2 เพื่อตัวเขาเอง นั่นแหละที่ทำให้คนอย่าง แกสคอยน์ บางเกมก็เก่งเทพเป็นพระเจ้า แต่บางเกมก็สอบตกระดับได้เกรด F”

“วันนี้เขาเดินออกนอกสนามพร้อมกับเสียงเชียร์ดังกระหึ่มทำให้ตัวเขาลอยไปไกลเเล้ว สิ่งที่ผมจะทำคือการดึงเท้าของเขาลงมาติดดิน ผมจะทำให้เขาเป็นนักเตะที่ทำให้ทุกคนที่ได้เห็นต้องบ้าคลั่ง เพราะเขามีความสามารถในระดับที่หายาก จริง ๆ … ดังนั้นเราต้องดูแลเขาให้ดี ทำให้เขาอยู่ในกฎในระเบียบให้ได้ แล้วเราจะได้เห็นกัน” เซอร์บ็อบ ว่าไว้เช่นนั้น

ฟังดูเหมือนเป็นการตำหนินักเตะที่เพิ่งยิงประตูสุดสวยให้กับทีม แต่ความจริงสิ่งที่ เซอร์บ็อบ ทำคือการใส่ใจ แกสคอยน์ มากกว่าที่ใคร ๆ เคยเป็นมา ทุกคนรู้ว่าเขาควบคุมยาก ไม่ฟังใคร แต่คนแบบนี้บางครั้งก็ต้องเข้าหาเขาให้ถูกจุด มีไม้แข็ง มีไม้นวม เข้าให้ถูกจังหวะ เพื่อเปิดใจให้เขายอมฟังสิ่งที่คนอื่นบอก ซึ่ง เซอร์บ็อบ ทำได้ … ทุกครั้งที่พวกเขาร่วมงานกัน เซอร์บ็อบ พยายามสอน แกสคอยน์ แทบทุกอย่าง พยายามทำให้เขามีความสุขกับการเล่นฟุตบอลท่ามกลางข่าวฉาวมากมาย

เซอร์บ็อบ เปิดใจให้กับ แกซซ่า พยายามเข้าหาหรือเรียก ๆ ง่ายว่า “โอ๋” ก็คงไม่ผิดนัก ไมใช่เพราะเขาไม่เห็นหัวนักเตะคนอื่น แต่ เซอร์บ็อบ เชื่อเสมอว่านักเตะอย่าง แกสคอยน์ สามารถบันดาลชัยชนะให้กับทีมได้ และก็ไม่ใช่คนที่เลวร้ายถึงขั้นที่อยู่กับทีมไหนแล้วทำให้ทีม ๆ นั้นแตกสปิริตเสียเลย แกซซ่า ก็แค่คนที่เหมือนเด็กไม่รู้จักโต เล่นสนุกไม่รู้เวลา มองข้ามทีมเวิร์กและเชื่อมั่นในพรสวรรค์ ไม่ตั้งใจฝึกซ้อม ซึ่งของแบบนี้ เซอร์บ็อบ เชื่อว่าเขาสามารถเปลี่ยนมันได้

ลูกชาย แกทำดีที่สุดเเล้ว

เซอร์บ็อบ เฝ้าติดตามผลงานและให้ความเชื่อใจกับ แกสคอยน์ เสมอ ไม่ว่าใครจะบอกอย่างไรแต่ เซอร์บ็อบ เดิมพันตำแหน่งของเขากับพรสวรรค์ที่ แกสคอยน์ มี แกซซ่า คือขาประจำในทีมชาติ

ในฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกปี 1989 อังกฤษ ต้องเล่นกับ สวีเดน ในเกมนั้น เทอร์รี่ บุทเชอร์ นักเตะของอังกฤษได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะเลือดออกเต็มหัวเลอะมายันชุดเเข่งสีขาวของพวกเขา ในวันนั้นเป็นโอกาสดีที่ เซอร์บ็อบ จะทำให้ แกซซ่า ได้สร้างประโยชน์จากเหตุการณ์นั้น

เขาลาก แกซซ่า ที่ไม่กล้ามองแผลของ บุทเชอร์ ในตอนแรกมาให้เห็นแบบจ่อ ๆ ในขณะที่เย็บแผลและสอน แกซซ่า ว่า “แกเห็นไหม นี่แหละคนที่เล่นฟุตบอลและรู้ว่ามันมีความหมายต่อประเทศของเรา” แกซซ่า อึ้งและพูดอะไรไม่ออกนอกจากตอบว่า “เห็นแล้วครับบอส”

ทั้งหมดที่ เซอร์บ็อบ ทำก็เพื่ออยากจะให้ แกสคอยน์ เห็นความพยายามของเพื่อน ๆ คนอื่นในทีม เพราะในเมื่อพวกเขาเป็นทีมเดียวกันแล้ว เซอร์บ็อบ ต้องการให้ทุกคนสวมหัวใจสิงห์ เอาคือเอา ต่อให้เป็นคนที่ควบคุมอยากอย่าง แกซซ่า ก็ไม่มีข้อยกเว้น … ซึ่งจากความสัมพันธ์ของทั้งคู่ทำให้ แกซซ่า เข้าถึงและตีความสิ่งที่ เซอร์บ็อบ กำลังจะบอกได้ หลังจากนั้นเขาก็ยอมรับว่า เซอร์บ็อบ เหมือนกับเป็นพ่อคนที่ 2 ของเขา และเขาจะสู้ตายถวายหัวเพื่อเจ้านายคนนี้

เรื่องราวลากยาวมาจนถึงฟุตบอลโลกปี 1990 ทัวร์นาเมนต์นั้นเป็นทัวร์นาเมนต์ที่ทุกคนเลิกสงสัยในตัว แกซซ่า เพราะพวกเขาได้เห็น แกสคอยน์ “ร่างทอง” แบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แกสคอยน์ เปิดสวิตช์ “เวิลด์คลาส” ในทัวร์นาเมนต์นั้น เขาคือดาวเด่นและเป็นนักเตะที่โชว์ฟอร์มได้ดีที่สุดในทีมชาติอังกฤษ ด้วยเหตุผลเดียวที่เขายืนยันด้วยตัวเองนั่นคือ “เขามีความสุขกับฟุตบอลที่สุดแล้วในตอนนั้น”

“สิ่งเดียวที่ผมกังวลในทัวร์นาเมนต์นั้นคือการขึ้นเครื่องบิน ส่วนเรื่องฟุตบอลผมพร้อมตั้งแต่ออกจากบ้านแล้ว” แกซซ่า กล่าว

“ฟุตบอลโลก 1990 คือช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิตของผม มันคือช่วงที่สมาธิผมอยู่กับเกม 100% ไม่มีอะไรกวนใจผมเลย ผมบอกตัวเองทุกวันว่าผมอยากไปฟุตบอลโลกครั้งนี้ มันคือความฝันของนักเตะทุกคน แต่เชื่อไหมว่ามันเป็นช่วงเวลาที่มีคุณภาพมาก ผมผ่อนคลายสุด ๆ มีความสุขเหมือนกับไปเที่ยว ผมรักทุกวินาทีของฟุตบอลโลกครั้งนั้น”

 

เซอร์บ็อบ เองเมื่อถึงเวลาที่ แกสคอยน์ มั่นใจถึงขีดสุด ก็เริ่มทำในสิ่งที่เขาไม่เคยทำมาก่อน นั่นคือการปล่อยให้ แกสคอยน์ ใช้จินตนาการเล่นแบบที่เขาห้ามมาโดยตลอด แต่ครั้งนี้ เซอร์บ็อบ มั่นใจว่า แกซซ่า กลายเป็นคนใหม่แล้ว ถ้าเขาได้เล่นตามอย่างที่ใจคิดก็จะไม่มีใครหยุดเขาได้แน่ และมันก็เป็นแบบนั้นจริง ๆ

“พูดก็พูดเถอะ ผมมั่นใจในแบบที่เคยเป็นมาก่อน ผมเล่นแบบไม่ต้องสนเเทคติกเลยก็ยังได้ ใครคือผู้เล่นที่ดีที่สุดของฝั่งตรงข้ามเหรอ ? ช่างแม่งดิ ผมไม่สนใจหรอก ใครจะประกบผมเป็นพิเศษไหม ? มาเถอะ ผมจัดให้ได้หมดเเหละ … ผมกลายเป็นคนที่พยายามจะเอาชนะและพยายามทำให้ดีที่สุดเพื่อให้ทีมของเราไปถึงจุดที่เราคาดหวังไว้” สิ่งที่ แกซซ่า พูดยืนยันได้ว่า เซอร์บ็อบ เปลี่ยนทัศนคติการเล่นของเขาไปได้ขนาดไหน

น่าเสียดายอย่างที่หลายคนรู้กัน อังกฤษ ที่มี แกสคอยน์ ลุยไปจนถึงรอบ 4 ทีมสุดท้าย ก่อนจะพ่ายให้กับ เยอรมันตะวันตก ในการดวลจุดโทษ ในเกมนั้น แกสคอยน์ ร้องไห้จากการเข้าสกัดบอลใส่ โลธาร์ มัทเธอุส จนโดนใบเหลือง และทำให้เขาไม่สามารถลงเล่นในนัดชิงชนะเลิศได้ (หากอังกฤษชนะ)

สภาพจิตใจของ แกสคอยน์ แย่มาก จนถึงช่วงต่อเวลาครบ 120 นาที เขายังคงร้องไห้ และไม่อยากยิงจุดโทษเพราะเชื่อว่าสภาพจิตใจของตัวเองไม่พร้อม แต่คนแรกที่เดินเข้ามาหา แกซซ่า คือ เซอร์บ็อบ … ความพ่ายแพ้นั้นเจ็บปวด แต่ เซอร์บ็อบ รู้ดีว่าเขาเองไม่อาจปล่อยให้ แกซซ่า เผชิญความรู้สึกนั้นอย่างลำพัง แกซซ่า กำลังเสียหลัก และมันเป็นหน้าที่ที่ เซอร์บ็อบ ทำได้ดีเสมอ นั่นคือการปลอบโยนและทำให้ แกสคอยน์ กลับมามั่นใจอีกครั้ง

“แกจะร้องไห้ทำไม แกเป็นนักเตะที่ดีที่สุดในทัวร์นาเมนต์นี้แล้วไอลูกชาย เชื่อมั่นในตัวเองหน่อย” เซอร์บ็อบ กล่าวเช่นนั้น ก่อนที่ แกซซ่า จะเงยหน้าขึ้นมามองแล้วบอกเขาว่า “เข้าใจแล้วครับ ผมโอเคแล้วเจ้านาย”

“ดี แกลืมทุกสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ซะ แกมีสุดยอดพรสวรรค์และยิ่งไปกว่านั้นเป็นผู้บันดาลชัยชนะให้กับเรา ถ้าไม่ใช่แกแล้วจะเป็นใคร แกคิดแบบนั้นไหม ? ชีวิตแก แกเลือกเอง ทุกอย่างขึ้นอยู่กับแกเท่านั้น อย่ากังวลไอ้ลูกชาย อย่ากังวล” เซอร์บ็อบ ว่าไว้เช่นนั้นก่อนขยิบตาแล้วบอกกับผู้ช่วยของเขาว่า “ใส่ชื่อ พอล เป็นคนยิงจุดโทษด้วย”

ไม่มีใครรู้ว่า เซอร์บ็อบ วาง แกซซ่า ไว้เป็นคนยิงจุดโทษคนที่เท่าไหร่ เพราะ อังกฤษ แพ้การดวลจุดโทษ 3-4 ให้กับ เยอรมัน โดยยิงครบ 5 คน คนที่พลาดคือ สจ๊วต เพียร์ซ และ คริส วอดเดิ้ล … แต่ถึงอย่างนั้นสิ่งที่ เซอร์บ็อบ เข้ามาพูดกับ แกสคอยน์ ก็ทำให้เราได้รู้ว่าทำไมเขาจึงเป็นโค้ชที่ได้ใจและทำให้ แกซซ่า ยอมศิโรราบมากที่สุด…

หลังจากจบฟุตบอลโลก 1990 กราฟชีวิตของ แกสคอยน์ ก็ค่อย ๆ ร่วงลง เขาไม่ติดทีมชาติบ่อยเหมือนเคย ประกอบกับ เซอร์ บ็อบบี้ ร็อบสัน เองก็ลาออกจากตำแหน่งในทีมชาติอังกฤษไปแล้ว และมันก็ทำให้ทั้งคู่ห่างเหินกันไปช่วงเวลาหนึ่ง และกลับมาพบกันอีกครั้งในอีกหลายปีต่อมา

ฉากสุดท้ายที่ แกซซ่า พูดถึง เซอร์บ็อบ คือในเกมการกุศลระหว่าง อังกฤษ กับ เยอรมัน ที่ ณ เวลานั้น เซอร์บ็อบ เจอโรคชรารุมเร้าจนไม่สามารถเดินได้และต้องนั่งอยู่บนรถเก้าอี้เข็น แต่ก็เข้ามาชมเกมนั้น เพราะส่วนหนึ่งคือ แกสคอยน์ ถูกเชิญให้มาเป็นนักเตะที่ลงสนามในเกมนี้ด้วย และหลังจากนั้นไม่นาน เซอร์ บ็อบบี้ ร็อบสัน ก็จากโลกนี้ไปอย่างสงบ

แกสคอยน์ พูดถึงบรรยาการในการพบกันครั้งสุดท้ายว่า “ก่อนที่เขาจะจากไปผมได้ลงเล่นเกมการกุศลเกมหนึ่ง เซอร์ บ็อบบี้ นั่งอยู่บนรถเข็นของเขาดูเกมนั้นอยู่ ผมเห็นเขาอยู่บนอัฒจันทร์ผมเลยตะโกนว่า ‘เฮ้ เจ้านาย นี่ผมเอง แกซซ่า ลูกชายคุณไง ให้ตายเถอะตอนนั้นเขาทำหน้างง ๆ เหมือนกำลังเมามอร์ฟีนอยู่เลย”

“เขาดูเกมนั้นได้ไม่จบ ลูกชายของเขาต้องเข็นรถพาเขากลับบ้านเพื่อพักผ่อน และสิ่งที่ผมรู้ภายหลังจากลูกชายของเขาคือเขาถามว่า ‘เกมนี้ แกซซ่า เล่นเป็นยังไงบ้าง”

“หัวใจผมพองฟูอย่างที่สุด พระเจ้า เขายังจำผมได้จริง ๆ” แกสคอยน์ กล่าวพร้อมกับร้องไห้อีกครั้งเมื่อพูดถึงเจ้านายที่เขารักที่สุด”

เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นสะท้อนให้เห็นถึงชีวิตการทำงานของคน เมื่อเป็นเจ้านายก็ต้องทำหน้าที่ของตัวเองให้เต็มที่ อ่านสิ่งที่อยู่ในใจของลูกน้องให้ออก ใส่ใจพวกเขาเพื่อรีดศักยภาพที่ดีที่สุดของพวกเขาออกมาให้ได้

เช่นเดียวกับชีวิตลูกน้องอย่าง แกซซ่า เขาอาจจะเคยงอแงไม่ฟังใครในเรื่องการร่วมงานกับคนอื่น ๆ แต่เมื่อถึงวันที่เขาเจอเจ้านายที่ให้ใจ ใส่ใจ และเชื่อมั่นในตัวเขาแบบที่เขาไม่เคยเจอมาก่อน เขาก็บันดาลทุกสิ่งที่เขามีตอบแทนในแบบที่ตัวเองไม่เชื่อด้วยซ้ำว่าจะทำได้

ทั้งหมดนี้คือความสัมพันธ์ดั่งพ่อและลูกชายที่ยังคงตราตรึงใจทุกคนในวงการฟุตบอลอังกฤษมาจนถึงทุกวันนี้

UFABETWIN

UFABETWIN พิคฟอร์ดโดดเด่น ในเมอร์ซีย์ไซด์ดาร์บี้ เขาเซฟได้ แปดครั้ง มากที่สุด ในบรรดาผู้รักษาประตู ในเกมพรีเมียร์ลีกในฤดูกาลนี้

UFABETWIN คุณจะไม่โทษแกเร็ธ เซาธ์เกต ถ้าตาของเขาเดินไปรอบ ๆ ประตูในพรีเมียร์ลีก แต่จอร์แดน พิคฟอร์ด ได้พิสูจน์ ให้กุนซือทีมชาติ อังกฤษเห็นว่า เขาคิดถูกมาตลอด ที่จะสะสมศรัทธาในตัว ผู้รักษาประตู เอฟเวอร์ตัน

พิคฟอร์ดโดดเด่น ในเมอร์ซีย์ไซด์ดาร์บี้ เขาเซฟได้แปดครั้ง มากที่สุด ในบรรดาผู้รักษาประตู ในเกมพรีเมียร์ลีก ในฤดูกาลนี้ บางคนหยุดตาม ปกติสำหรับผู้รักษาประตู ชั้นยอด คู่รักจากดาร์วิน นูเนซในครึ่งแรก และโม ซาลาห์เสียชีวิต เน้นย้ำว่าเหตุใด ตัวเลือกระดับ ท็อปคลาสอื่น ๆ ที่มีให้เซาธ์เกตถึงวาระ ที่จะล้มเหลวใน การเสนอราคา เพื่อแย่งชิงพิกฟอร์ด ในช่วงเวลาที่ เหลือเพียงเล็กน้อยก่อนฟุตบอลโลก

นั่นไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย สำหรับผู้ที่มีความทะเยอทะยาน ในการรักษาเป้า หมายของอังกฤษ เช่นเดียวกับเพื่อนร่วม ทีมอาร์เซนอล เริ่มต้นฤดูกาล ด้วยฟอร์มที่ดี แข็งแกร่งอย่างคาดเดา ได้ในไม้เท้าของ และดีน เฮนเดอร์สัน ก็ออกมาจากถิ่น ทุรกันดารที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เพื่อสาธิตที่น็อตติงแฮม ฟอเรสต์ ว่าทำไมเขาถึงจินตนา การว่าตัวเองเป็นเลฟ ยาชิน แม้ว่าจะไม่มีใคร ที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด เห็นด้วยก็ตาม

ทั้งสามคนทำเต็มที่แล้ว แต่ทุกคนต่าง พึ่งพามาตรฐาน ของพิคฟอร์ด ในการตกต่ำ หากพวกเขาต้องการสร้างกรณี ร้ายแรงสำหรับการ เป็นถุงมือของเซาธ์เกต มันแทบ จะอยู่นอกเหนือ ขอบเขตของความเป็นไปได้ – ฟอร์มของพิคฟอร์ด ลดลงในอดีต อย่างไรก็ตาม ในช่วงเริ่มต้นของฤดูกาล ฟอร์มของเขา เป็นหัวใจสำคัญในการเอาชนะ เอฟเวอร์ตัน แม้ว่าพวกเขาจะยังไม่ชนะก็ตาม

16 บทสรุปจากเมอร์ซีย์ไซด์ ดาร์บี้

ผลงานของพิคฟอร์ด ย้อนกลับไปเมื่อเดือนที่แล้ว เขามีส่วนสำคัญ ในเอฟเวอร์ตัน ในการดึงตัวเองออกจากโคลน การตกชั้นในช่วงระยะ ที่แล้วด้วยการแสดง ในเกมใหญ่กับ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดและเชลซี ที่โดดเด่นที่สุด

คุณจะไม่ได้ยินเสียง นั้นที่ สำหรับเสียงรบกวนรอบ ๆ สถานที่นานาชาติของ รับรู้ถึงการ มีส่วนร่วมของผู้รักษาประตู ตลอดฤดูกาลที่แล้ว ไม่ใช่แค่ ในช่วงสุดท้าย ด้วยการโหวต ให้เขาเป็นผู้เล่นยอดเยี่ยมประ จำฤดูกาล ผู้ที่อยู่ในจะ บอกคุณว่าการแสดง ในวันนี้เป็นเรื่องปกติ ของอันดับ 1 ของพวกเขา

นอกเหนือจาก ยังคงดิ้นรน เพื่อให้ได้รับการยอมรับ ว่าเขาสมควรได้รับ ในฐานะคนสำคัญ ของอังกฤษในช่วง สี่ปีที่ผ่านมา แน่นอนว่าในฐานะมือ 1 ผลงานของเขา จะต้องถูกพิจารณา อย่างถี่ถ้วนมากกว่าใคร ๆ และพิกฟอร์ดก็ทำ ให้ตัวเองตก เป็นเป้าหมายได้ ง่ายด้วยสไตล์ การรักษาประตูที่ ‘ทุกสายตาจับจ้อง มาที่ผม’

ไม่แปลกใจเลยที่ได้ยิน พิกฟอร์ดชี้โจ ฮาร์ทเป็นอิทธิพล ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของ เขาในฐานะเด็ก โดยทั้งคู่เดินตามเส้นทาง ที่คล้ายคลึงกัน โดยจ่ายค่าธรรมเนียม ผ่านลีกต่าง ๆ ไปสู่เป้าหมายของอังกฤษ พิกฟอร์ดแม้ว่า เมื่อเขามาถึงทางแยก ที่เห็นว่าอาชีพ ของฮาร์ตเบี่ยงเบน ไปจากเส้นทางของเขา ดูเหมือนว่า จะสามารถนำทาง เขาผ่านอันตราย เหล่านั้นได้อย่างปลอดภัย

เอฟเวอร์ตัน vs ลิเวอร์พูล – โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ยิงประตู

จับได้เร็วไม่พอ แต่ยอมรับว่า การเป็นลูกสุนัข ที่โง่เขลา นั้นมีอายุยืนยาวเพียง เล็กน้อย นักเตะวัย 28 ปีขอความช่วยเหลือจากนักจิตวิทยา และแม้ว่าการ ปรากฏตัวของเขา จะยังคงปรากฏ ให้เห็น – และเสียง – ตลอดเวลา พิคฟอร์ดก็ถ่ายทอด ความกระตือรือร้น และพลังงานของเขา ออกมาในรูปแบบที่มีประสิทธิ ผลมากขึ้น สำหรับสโมสรและประเทศ ซึ่งพิสูจน์ ได้จากข้อเท็จจริง ที่ว่าเขาคือผู้ที่ สวมปลอกแขน เอฟเวอร์ตัน

มีความคล้ายคลึงกัน ในจิตใจของพวกเขา ที่ปล่อยให้ เป็นทางเลือก เดียวที่มีถ้าเขา อยากจะเป็นคนที่สงบในตาข่าย ของเขา แต่หลังจาก การแสดงในช่วง ต้นฤดูกาลของเขา หลังจากผลงานที่เป็นตัวเอก ในวาระสุดท้าย เจ้านายของอังกฤษ ก็ไม่จำเป็นต้อง ไตร่ตรองอีกต่อไป ว่าควรเปลี่ยน หรือไม่ UFABETWIN

UFABETWIN  ผู้จัดการทีมคนใหม่ และคริสเตียโน่ โรนัลโด้ ไม่ได้ออกสตาร์ทแต่ไม่มีปัญหาใดๆ ที่เคยหลอกหลอนยูไนเต็ดมาหลายปีแล้ว

UFABETWIN อาแดดจ้า ท้องฟ้าสีคราม อุณหภูมิพุ่งเกิน 20C รถรางแน่นกว่าสามชั่วโมงก่อนการแข่งขัน megastore ชนกัน สจ๊วตและรปภ.ส่งเสียงเอะอะโวยวาย ใบหน้าของผู้จัดการคนใหม่จ้องเขม็งจากผ้าพันคอบนแผงขายของบนถนน Matt Busby เสียงพึมพำที่ชัดเจนในอากาศ บางทีถ้าใครมองหามันจริงๆ ก็เป็นความรู้สึกในแง่ดี จากนั้นพวกเขาก็เริ่ม

ในช่วงไม่กี่ปีมานี้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดมีช่วงเวลาที่น่าท้อใจมากมาย แต่มีน้อยคนนักที่จะรู้สึกท้อแท้เช่นนี้ บางทีความรู้สึกอาจเป็นไปได้ว่าไบรท์ตันหลังจากขายอีฟส์ บิสซูมาและมาร์ค คูคูเรลลา จะไม่เป็นอย่างที่พวกเขาเคยเป็นเมื่อฤดูกาลที่แล้ว ความหวังสำหรับแฟนบอลในบ้านว่าแนวทางสายเลือดแข็งของเอริค เทน ฮากจะเปลี่ยนแปลงพวกเขา

แต่ไบรท์ตันเอาชนะยูไนเต็ดมาอย่างยาวนาน และความจริงแล้ว ชัยชนะเหนือกว่าอย่างสบายๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากลิซานโดร มาร์ติเนซถูกลงโทษจากสิ่งที่ดูเหมือนเป็นเรือข้ามฟากที่เห็นได้ชัดในกล่องของแดนนี่ เวลเบ็ค ความสำเร็จของยูไนเต็ดในช่วงท้ายที่คุ้นเคยทั้งหมดคือการลดระยะขอบของความพ่ายแพ้ลงเหลือ 2-1 รุ่งอรุณใหม่? ยูไนเต็ดคนเดิม

Pascal Gross ฉลองการให้คะแนนการเปิดของไบรตันในชัยชนะของพวกเขาที่แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด การเริ่มต้นที่น่ากลัวสำหรับ Ten Hag เมื่อ Gross ยิงไบรตันเพื่อชนะที่แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด

แม้แต่ Avram Glazer ผู้ซึ่งตื่นเต้นกับการเริ่มต้นครั้งใหม่ก็ปรากฏตัวขึ้น นั่งอยู่ในกล่องกรรมการด้วยสายตาที่จ้องเขม็งและรอยยิ้มที่ว่างเปล่าของชายผู้มั่งคั่งอย่างยิ่งที่แสร้งทำเป็นเข้าใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อหน้าพวกเขา ทางด้านซ้ายของเขา เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสันรู้สึกเบิกบานด้วยความหงุดหงิดที่แทบจะอดกลั้นซึ่งเป็นนิสัยของเขามาตลอดเก้าปีนับตั้งแต่เขาเกษียณ

อ็องโตนี่ มาร์กซิยาลที่ได้รับบาดเจ็บมาถึงไม่กี่นาทีก่อนที่เกลเซอร์จะยิ้มและชกต่อย ขณะที่แถวหน้าแกเร็ธ เซาธ์เกตมีท่าทางแปลกๆ มองดูแฮร์รี่ แม็กไกวร์ผู้นำทีมชาติอังกฤษคนหนึ่งของเขาเล่นในตำแหน่งกองหลังด้านขวาอย่างผิดปกติ

ร้องด้วยความสิ้นหวังเมื่อโครงสร้างทั้งหมดหายไป กองหน้าทีมชาติอังกฤษสองคนของเขา มาร์คัส แรชฟอร์ด และจาดอน ซานโช่ ถูก เวลเบ็ค ที่ถูกลืมไปมาก ซึ่งยังคงถอนขนจากท้องฟ้าด้วยความคล่องแคล่วซึ่งบ่งบอกว่ารองเท้าบูทของเขานั้นมาจากหน้าอกของไนออล ควินน์

ในช่วงต้นครึ่งหลัง มาร์คัส แรชฟอร์ด ยอมจ่ายบอลแบบง่ายๆ ผ่านใต้ฝ่าเท้าของเขาและส่งบอลเข้าเล่น มันเป็นวันแบบนั้นตลอด เขาเป็นเปลือกของผู้เล่นที่เขาเคยเป็น ขาดความมั่นใจจนลึกล้ำจนธงล้ำหน้าในช่วงท้ายในการโต้กลับครั้งเดียวรู้สึกเกือบโหดร้ายเพราะมีโอกาสทำให้เขาทำเส้นชัยได้

การพูดคุยทั้งหมดก่อนการเตะคือ Cristiano Ronaldo ถูกทิ้งไว้บนม้านั่งในขณะที่ Christian Eriksen เริ่มเป็นเท็จ 9 นี่

อาจเป็นสวิตช์ที่ตอบโต้โดยสัญชาตญาณเช่นเดียวกับการใช้งาน Dusan Tadic ของ Ten Hag ในบทบาทของ Ajax หรือไม่? บางทีมันอาจจะเป็นเช่นนั้น แต่แนวรุกของยูไนเต็ดมีส่วนเกี่ยวข้องน้อยมากจนยากที่จะบอกได้ การมีส่วนร่วมที่แท้จริงเพียงอย่างเดียวของ Eriksen คือการถูก Moisés Caicedo ที่น่าประทับใจในการเอาชนะเป้าหมายที่สอง

ความรู้สึกของการถูกแยกออกจากกันเกือบจะในการเคลื่อนไหวช้าซึ่งโดดเด่นมาก ค่ำคืนแห่งมีดทำครัวของ Ten Hag ที่คัดเลือกเชฟส่วนตัวของทีมเพื่อพยายามปรับปรุงโภชนาการและโฟกัสไปที่สโมสร อาจทำให้นักเตะของเขาฟิตขึ้น แต่การเพรสซิ่งของพวกเขาไม่ได้ดีไปกว่าช่วงที่แย่ที่สุดของฤดูกาลที่แล้ว .

‘มันจะไม่มาในชั่วข้ามคืน’: Erik ten Hag เกี่ยวกับความพ่ายแพ้วันแรกของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด
ความโกลาหลของโรนัลโด้ได้รับการแนะนำ – ด้วยเสียงโห่ร้องและเสียงเชียร์ – แปดนาทีในครึ่งหลัง ข้อบกพร่องหลายอย่างของสโมสรรุนแรงขึ้นจากการเซ็นสัญญาของเขาเมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว แต่หากไม่มีสิ่งอื่นใด

เขาน่าจะเป็นที่มาของประตูที่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุด ซึ่งแน่นอนว่าเป็นส่วนหนึ่งของปัญหา การพาเขาไปรู้สึกเหมือนเป็นการยอมรับจาก Ten Hag ว่าสิ่งอื่น ๆ ทั้งหมดล้มเหลว

เมื่อแผน A ล้มเหลว ให้จับจ้องผู้ทำประตูที่เก่งซึ่งไม่ฟิตและหวังในสิ่งที่ดีที่สุด อย่างน้อยก็มีข้อได้เปรียบในการขยับ Eriksen ให้ลึกกว่ามาก ซึ่งเขารู้สึกสบายกว่ามาก แต่ไบรท์ตันก็ยังค่อนข้างไม่กระวนกระวายใจ แม้ว่าหลังจากยอมรับตามจังหวะของ Robert Sánchez ที่มุมหนึ่ง

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พิจารณาดีล มาร์โก อาร์เนาโตวิช 10 ล้านปอนด์ เพื่อกระตุ้นการโจมตี

มีรายงานของ Marko Arnautovic ที่ลงนามในระยะสั้น หวังว่าจะยังลงจอด Benjamin Sesko และ Frenkie de Jong แต่ตอนนี้รู้สึกว่านี่เป็นมากกว่าบุคลากร ในวงการฟุตบอล ฟอร์มเปลี่ยนแปลงเร็วมาก

แต่สิ่งที่อาจทำร้ายจิตใจมากที่สุดในวันอาทิตย์คือความรู้สึกคุ้นเคย Ten Hag, Ralf Rangnick, Ole Gunnar Solskjær, José Mourinho, Louis van Gaal, David Moyes … การเปลี่ยนนักบินไม่สำคัญเมื่อเรือบรรทุกน้ำมันมุ่งหน้าไปในทิศทางที่ผิดอย่างไม่ลดละ มิเกล อาร์เตต้าน่าจะเตรียมการมาเยือนของอาร์เซนอลที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ดในเดือนหน้าโดยให้ทีมซ้อมเพลงประกอบเสียงพึมพำอย่างน่ากลัวและการเย้ยหยันลาออก

ไม่มีวิธีแก้ปัญหาที่ง่าย สิ่งนี้ไม่เกี่ยวกับซอสมะเขือเทศหรือมันฝรั่งทอด ไม่เกี่ยวกับการกดหรือปรับสภาพ ไม่เกี่ยวกับโค้ชหรือกัปตัน การโจมตีหรือการป้องกัน เป็นเรื่องเกี่ยวกับสโมสรที่หลงทางอย่างสิ้นเชิง

เกี่ยวกับภาวะผู้นำในภาวะตื่นตระหนก การไขว่คว้าหาทางแก้ไขโดยไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าจะถูกนำไปใช้อย่างไร ยูไนเต็ดไปไหน? นั่นเป็นเรื่องยากมากที่จะพูด แต่ในอุดมคติแล้วพวกเขาจะไม่เริ่มต้นด้วยการพ่ายแพ้ในบ้านครั้งแรกโดยไบรตัน

ข้อมูลเพิ่มเติม>>> UFABETWIN

“ถ้าคุณเป็นนักเตะพรีเมียร์ลีกที่ไม่มีปัญหาเรื่องเงินและอยากไปเวกัส มันจะมีค่าใช้จ่ายอย่างน้อย 20,000 เหรียญ (ราว 726,530 บาท) สำหรับค่าความบันเทิง และอีก 20,000 เหรียญสำหรับค่าโรงแรม”

เมื่อฤดูกาลของฟุตบอลรูดม่านลง ก็ถึงเวลาแห่งการปลดปล่อยของเหล่านักเตะระดับซูเปอร์สตาร์ และหลายคนก็เลือกที่จะดื่มด่ำกับทริปสุดหรูอย่างเต็มที่ ทั้งอาบแดด ปาร์ตี้บนเรือยอชต์ ไปจนถึงเสี่ยงโชคที่ลาสเวกัส

สิ่งเหล่านี้เป็นเหมือนธรรมเนียมของพวกเขาที่ทำกันเป็นประจำทุกปี ทว่าคำถามคือ เหล่าแข้งดังที่เต็มไปด้วยภารกิจรัดตัววางแผนทริปสุดฟุ่มเฟือยเหล่านี้อย่างไร?

“โยฮัน ซิวดู” คือคำตอบนั้น .. บริษัทจัดทริปในฝันนักฟุตบอล อาจจะเป็นอาชีพที่มีรายได้สูง โดยเฉพาะแข้งลีกใหญ่ในยุโรป ทว่ามันก็แลกมาด้วยการต้องใช้ร่างกายอย่างหนัก ลงเล่นติดต่อกัน 8-9 เดือนต่อปี ทำให้ในช่วงปิดซีซั่นพวกเขาจึงต้องปลดปล่อยกันอย่างเต็มที่

มันกลายเป็นไลฟ์สไตล์ที่เป็นภาพจำของนักฟุตบอลในช่วงหน้าร้อน ที่มีตั้งแต่ อาบแดดที่อิบิซ่า ปาร์ตี้บนเรือยอชต์หรือเรือสำราญในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ไปจนถึงบินลัดฟ้าด้วยเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวไปเสี่ยงโชคที่บ่อนในลาสเวกัส

ทว่าแทบไม่น่าเชื่อว่าสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทำให้เกิดทริปเหล่านี้ได้มาจากบริษัทที่มีพนักงานเพียงแค่ 10 คนที่มีชื่อว่า ที่มี โยฮัน ซิวดู เจ้าของฉายา “จอห์นนี่ เวกัส” เป็นผู้ก่อตั้ง

ซิวดู อธิบายว่าพวกเขาคือ “บริษัทจัดการไลฟ์สไตล์ระดับโลก” ที่รับวางแผนและออกแบบวันหยุดสุดหรูให้กับเหล่านักกีฬาชื่อดัง โดยเฉพาะนักฟุตบอล ทั้ง โรเมลู ลูกากู ดาวยิง อินเตอร์ มิลาน, เวสตัน แม็คเคนนี่ แข้งทีมชาติสหรัฐอเมริกาของ ยูเวนตุส หรือ อโยเซ่ เปเรซ กองหน้า เลสเตอร์ ซิตี้ เป็นต้น

“สิ่งที่เราทำคือ ออกแบบและวางโครงสร้างสำหรับวันหยุดของพวกเขาทั้งตอนที่มาถึงและกลับไป งานของพวกเราคือทำให้พวกเขาแน่ใจว่าพวกเขาจะไม่เครียดและไม่ต้องกังวลอะไรเลย เพราะว่าพวกเขาไม่ได้มีเวลามากพอที่จะศึกษาและวางแผนในทุกรายละเอียด” ซิวดู

“นั่นเป็นดินแดนที่เราเข้าไป แบรนด์และทีมของผมจะทำให้แน่ใจว่าทุกอย่างสะดวกและง่ายสำหรับพวกเขา โดยพื้นฐานแล้วเราแค่ทำให้ชีวิตของพวกเขาง่ายขึ้น”

บริษัทของเขาสามารถหามาได้ทั้งเครื่องบินเจ็ต เรือยอชต์ โรงแรมสุดหรู ไนท์คลับ ภัตตาคาร แล้วแต่ลูกค้าจะร้องขอ ไม่ว่าจะเวลาจะกระชั้นชิดแค่ไหนก็จะอยู่คอยดูแลตั้งแต่ต้นจนจบแบบไม่ขาดตกบกพร่อง

“ถ้าคุณเป็นนักเตะพรีเมียร์ลีกที่ไม่มีปัญหาเรื่องเงินและอยากไปเวกัส มันจะมีค่าใช้จ่ายอย่างน้อย 20,000 เหรียญ (ราว 726,530 บาท) สำหรับค่าความบันเทิง และอีก 20,000 เหรียญสำหรับค่าโรงแรม” ซิวดู

“คุณอาจมองไปที่แพคเกจ 40,000 – 50,000 เหรียญ (ราว 1.4-1.8 ล้านบาท) สำหรับ 4 วัน ถ้าคุณมาจากแอลเอ เครื่องบินเจ็ตส่วนตัวจะมีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 6,000-9,000 เหรียญ (ราว 200,000–320,000 บาท) แต่ถ้าคุณมาจากยูเค มันจะประมาณ 100,000-200,000 เหรียญ (ราว 3.6-7.2 ล้านบาท) ผมแนะนำให้พวกเขาบินแบบชั้นหนึ่งมาที่นี่ จากนั้นเราค่อยปรับแผนกัน”

อย่างไรก็ดี ไลฟ์สไตล์เหล่านี้แตกต่างจากชีวิตในวัยเด็กของซิวดูราวฟ้ากับเหวจากเอธิโอเปียสู่เวกัสหากลองส่อง  ของซิวดูจะพบว่า เขามีชีวิตที่หวือหวา ทั้งได้เดินทางด้วยเครื่องบินเจ็ตส่วนตัว ขับรถซูเปอร์คาร์ หรือล่องเรือยอชต์ ไม่ต่างจากชนชั้นสูง แต่ชีวิตที่น่าอิจฉาเหล่านี้ห่างไกลจากชีวิตของเขาตอนอยู่ที่แอฟริกา

เขาเกิดและเติบโตที่กรุงแอดดิสอาบาบา เมืองหลวงของเอธิโอเปีย อาศัยอยู่ในบ้านที่เขาบอกว่าเล็กเหมือนกับตู้เสื้อผ้า พร้อมกับสมาชิกในครอบครัวรวมกันถึง 8 ชีวิต

“ผมโตมาในเอธิโอเปีย มันเป็นประเทศโลกที่ 3 ที่ชีวิตไม่ได้หรูหราเหมือนอยู่ในโลกนี้” ซิวดู

“ผมโตมาจากข้างถนน ผมไม่มีรองเท้า เสื้อผ้าของผมขาด เราอาศัยอยู่ในบ้านที่เหมือนกับตู้เสื้อผ้าที่ต้องนอนอัดกันถึง 8 คน”

ทว่าวันหนึ่ง โอกาสก็มาหาเขาโดยไม่ทันได้ตั้งตัว เมื่อพ่อของเขาได้รับทุนไปเรียนต่อในสหรัฐอเมริกา และทำให้ ซิวดู ได้มาเปิดหูเปิดตาในต่างประเทศเป็นครั้งแรกในฐานะผู้ติดตามของพ่อ

“พ่อของผมมีโอกาสได้มาอเมริกา อเมริกามีสิ่งที่เรียกว่า ซึ่งเป็นเหมือนล็อตเตอรี ที่พวกเขาแจกเพื่อให้การศึกษาแก่คนในประเทศอย่างเอธิโอเปีย พ่อของผมสมัครไปและถูกรางวัล พวกเขาให้ผมมาอเมริกาตอนที่ผมอายุราว 9-10 ขวบ” ซิวดู

“เราลงเครื่องที่สนามบินลอสแอนเจลิสแล้วถูกพาไปบ้านใหม่ที่เวกัส ผมจำรถทุกคันที่ขับผ่านบนทางด่วนได้ ซึ่งมันเหนือจริงมาก มันคือคัลเจอร์ช็อกอย่างสมบูรณ์ ผมพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ จึงปรับตัวยากมาก แต่สิ่งหนึ่งที่ผมมีเหมือนกับเด็กคนอื่นคือ ความรักในกีฬา”

กีฬาที่ซิวดูหลงใหลมาตั้งแต่เด็กคือ ฟุตบอล เขาชื่นชอบเกมลูกหนังมาตั้งแต่อยู่ที่เอธิโอเปีย และยังคงเล่นต่อตอนย้ายมาอยู่สหรัฐฯ แต่น่าเศร้าที่อาการบาดเจ็บทำให้เขาต้องตัดใจจากการเป็นนักฟุตบอลอาชีพ

“ผมคิดเสมอว่าผมอยากเป็นนักฟุตบอลชื่อดัง ผมเก่งนะตอนมัธยมปลาย แต่โชคร้ายที่ผมมีปัญหาที่หัวเข่าและต้องผ่าตัดหลายครั้ง และมันก็ทำให้ผมไม่สามารถทำตามฝันต่อได้” ซิวดู

หลังจบมัธยมปลายเขาจึงเบนเข็มไปเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย พร้อมกับทำงานพิเศษเป็นพนักงานเสิร์ฟที่โรงแรมเบลลาจิโอ โรงแรมชื่อดังในลาสเวกัส

“นั่นคือตอนที่ผมพบว่า จริงๆแล้วผมอยากเป็นอะไร” เขาย้อนความหลัง “การได้ทำงานในที่แบบนั้นทำให้ผมได้เห็นสิ่งที่ผมไม่เคยนึกภาพมาก่อน (ฟลอยด์) เมย์เวทเธอร์ มาพร้อมกับรถทุกคันของเขา นักแสดงและนักกีฬารุ่นใหญ่อย่าง ไมเคิล จอร์แดน, ไทเกอร์ วูดส์, เลโอนาร์โด ดิ คาปริโอ คนแบบนั้นต่างเข้ามาและจากไป มันเป็นเรื่องที่เกินความเป็นจริงมาก”

ท่ามกลางเหล่าซูเปอร์สตาร์ที่มาเยือน มีลูกค้าชาวฝรั่งเศสคนหนึ่งชื่อว่า คามาล ที่ซิวดูได้คุยด้วย ก่อนที่มันจะเป็นช่วงเวลาที่เปลี่ยนชีวิตเขาไปตลอดกาล

เพื่อนรักนักฟุตบอล “วันหนึ่งมีชายชาวฝรั่งเศสมาที่เบลลาจิโอ ตอนนี้เขาเป็นดาราภาพยนตร์แล้ว แต่ตอนนั้นเขาเป็นแค่ชายธรรมดาคนหนึ่ง ผมสังเกตว่าเขาเป็นคนฝรั่งเศสจึงนึกสนุกทักทายเขาไปว่า ‘ หลังจากนั้นเขาก็พูดฝรั่งเศสกลับมา ซึ่งตลกมาก เพราะผมพูดฝรั่งเศสไม่เป็น” ซิวดู

“หลังจากเราหัวเราะกัน ผมก็บอกเขาว่านักเตะที่ผมชอบมากที่สุดคือ ฟรองค์ ริเบรี่ เขาตกใจมาก เพราะพวกเขาเป็นเพื่อนกัน เขาเปิดมือถือแล้วเอาวิดีโอให้ผมดู เขาบอกว่าถ้าครั้งหน้าเขามาเวกัสเขาจะเอาเสื้อพร้อมกับลายเซ็นมาให้ ผมบอกว่าขอบคุณมาก แต่มันคือเวกัส ผู้คนชอบพูด แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นจริง ผมจึงไม่ได้เชื่อที่เขาพูดนัก”

หนึ่งปีผ่านไป ซิวดู ย้ายไปอยู่โรงแรมอื่นและได้ยินว่ามีคนกำลังตามหาเขา ซึ่งก็คือ คามาล ลูกค้าชาวฝรั่งเศสคนนั้น ที่มาพร้อมกับเสื้อพร้อมลายเซ็นตามคำสัญญา

“เขาหาผมเจอและผมก็ตกใจมาก ผมแทบไม่เชื่อว่าคนแบบนั้นจะรักษาคำพูด และช่วงเวลานั้นก็ช่วยทำให้ผมเป็นผมอย่างในวันนี้เช่นกัน” ซิวดู

“มันแสดงให้เห็นว่าคุณรู้สึกอย่างไรเมื่อมีบางคนทำบางอย่างให้และรักษาสัญญา ผมนำสิ่งนั้นมาปรับใช้กับชีวิตและปฏิบัติกับคนอื่นเสมอ”

“ตอนที่เขากลับไป ผมบอกเขาว่า ‘ถ้าคุณต้องการอะไรในลาสเวกัสผมจะหามาให้ ไม่ต้องกังวลอะไร’ เขาแค่พูดกลับมาว่า ‘โอเค แน่นอน'”

ไม่กี่สัปดาห์ต่อมา คามาล ก็ส่งข้อความมาหาเขา บอกให้ช่วยหาห้องพักในลาสเวกัสให้เพื่อนเขาหน่อย เขาจึงจองโรงแรมที่เขาทำงานโดยใช้ส่วนลดพนักงาน และขอหัวหน้าอัปเกรดห้อง โดยเขาจะเป็นผู้รับผิดชอบในส่วนต่างเอง

“เมื่อพวกเขาเห็นสิ่งที่ผมดูแล พวกเขาตกใจมาก พวกเขาแทบไม่เชื่อในสิ่งนี้ เขาบอกว่า ‘ไม่กี่เดือนข้างหน้าผมจะมีอีกเซอร์ไพรส์ให้คุณ แล้วผมจะติดต่อมาใหม่'” ซิวดู กล่าวต่อ

ผ่านไปอีกหลายเดือนก็มีโทรศัพท์สายหนึ่งโทรมาที่บ้านตอนที่เขากำลังดูทีวีอยู่ ตอนแรกเขาเกือบจะไม่รับ แต่แม่ของเขาก็ไล่ให้ไปรับ และพบว่าคนปลายสายขอให้เขาช่วยจัดทริปที่ลาสเวกัสให้หน่อย

ซิวดูตกปากรับคำ ก่อนที่จะรู้ว่าคนที่เขากำลังคุยอยู่คือ ซามีร์ นาสรี กองกลางทีมชาติฝรั่งเศสที่เล่นให้กับ อาร์เซนอล ในตอนนั้น และทำให้เขาเหมือนกับวิญญาณจะออกจากร่างเลยทีเดียว

“ผมได้รับโทรศัพท์จากหมายเลขที่ไม่รู้จัก ชายคนนั้นบอกว่า ‘สวัสดีน้องชาย เป็นไงบ้าง? นี่นาสรีนะ ผมได้เบอร์มา คุณช่วยผมได้ไหม?'” ซิวดู

“ผมใช้เวลาสักพักเพื่อประมวลผล หน้าของผมซีด ผมตัวสั่นและเหงื่อออก ผมไม่เคยคิดว่าจะมีโอกาสอย่างนี้ ได้คุยกับนาสรี ในฐานะแฟนอาร์เซนอลมันเป็นความรู้สึกที่แตกต่างออกไป”

แต่ปัญหาคือ เขาไม่รู้ว่าจะต้อนรับนักเตะที่ใช้ชีวิตหรูหราได้อย่างไร?

ปากต่อปาก หลังจากวางสายจากนาสรี เขาก็ตัดสินใจแต่งตัวไปโรงแรมที่เขาทำงานอยู่แล้วเอาเรื่องนี้ไปบอกกับผู้จัดการ ก่อนที่สตาฟฟ์ของโรงแรมจะพาเขาไปรู้จักกับทีมดูแลแขกของโรงแรม และคนที่สามารถให้คำปรึกษาแก่เขาได้

“หลังจากวางสาย แม่ของผมคิดว่าผมกำลังจะช็อก แต่ผมกำลังจะไปโรงแรมและคุยกับผู้จัดการของผม” ซิวดู

“ผมไม่รู้จริงๆว่าจะต้องทำอย่างไร ดังนั้น พวกเขาจึงส่งผมไปคุยกับทีมดูแลแขก ฝ่ายจัดการโรงแรม และคนที่เหมาะสมทั้งหมด”

เมื่อ นาสรี มาถึงอเมริกา พวกเขาก็ดูแลสตาร์ชาวฝรั่งเศสเป็นอย่างดี และทำให้เขาแนะนำซิวดูให้กับนักเตะคนอื่น จากนั้นชื่อของเขาก็แพร่หลายในหมู่นักฟุตบอลแบบปากต่อปาก และทำให้ซิวดูเปลี่ยนอาชีพจากพนักงานเสิร์ฟไปเป็นเจ้าของบริษัท

“นาสรีมาถึงและผมก็ดูแลเขา จากนั้นเขาก็ส่งเบอร์ของผมให้กับผู้เล่นคนอื่น และมันก็เป็นโดมิโนเอฟเฟ็กต์ นับจากนั้น ผมก็มีโอกาสได้เดินทางไปทั่วโลก” ซิวดู

ทุกวันนี้ลูกค้าของซิวดูไม่ได้มีแค่นักฟุตบอลเท่านั้น แต่ยังขยายไปถึงนักกีฬาประเภทอื่น ไม่ว่าจะเป็นนักแข่งเอฟวัน, นักรักบี้ ไปจนถึงนักต่อสู้ศิลปะป้องกันตัวแบบผสมผสาน

และสิ่งที่ทำให้บริษัทของเขาได้รับความนิยมถึงขั้นบอกต่อคือ ความจริงใจและความเต็มใจในการดูแลลูกค้าของพวกเขาอย่างเต็มที่ รวมถึงการที่สามารถหาทุกสิ่งที่ร้องขอได้ไม่ว่าจะยากแค่ไหน

“ผมคิดว่ามันเป็นความรู้สึกที่แท้จริงกับสายสัมพันธ์ที่คุณมีกับผู้คน แค่ความจริงใจและข้อเท็จจริงเท่านั้นที่มอบให้กับพวกเขา” ซิวดู อธิบาย

“ในช่วงเวลานั้นผมสามารถให้ในสิ่งที่พวกเขาต้องการได้ และทำให้ผมมีสายสัมพันธ์กับพวกเขา ดังนั้น พวกเขาจึงเชื่อใจผม คนส่วนใหญ่ไม่มีคนที่พวกเขารู้จักเป็นการส่วนตัวในพื้นที่นี้ ดังนั้น ผมจึงได้รับความไว้วางใจจากกลุ่มคนเหล่านั้น และผู้คนก็มาหาผมและทำให้ชื่อของผมเป็นที่รู้จักไปไกล”

“ปากต่อปาก คือธุรกิจสำหรับผม ผมไม่ได้มีกระแสเงินสดเอาไว้โฆษณาตัวเองหรืออะไรแบบนั้น มันเป็นการบอกกันแบบปากต่อปาก มันได้ผลและทำให้เรามาถึงจุดนี้”

ด้วยเหตุนี้จึงทำให้คำขอของลูกค้าของเขามีตั้งแต่เบสิกไปจนถึงยากมาก ทั้งหนังสือ ช่างตัดผม ฟิตเนสเทรนเนอร์ส่วนตัว หรือแม้กระทั่งขอเดินทางไปกลับระหว่าง แอลเอ ที่อยู่ฝั่งตะวันตก กับ ไมอามี ที่อยู่ฝั่งตะวันออก ภายในเวลาหนึ่งวัน (ใช้เวลาด้วยเครื่องบินราว 5 ชั่วโมง)

“พวกเขาอยากได้ทุกอย่าง ยกตัวอย่างเช่น ช่างตัดผม พวกเขาอยากดูดีเวลาออกไปข้างนอก คุณต้องมีชีวิตกลางคืน ชีวิตกลางวัน รถหรู กิจกรรมที่อยากทำ บางครั้งพวกเขาก็อยากไปพบปะผู้คน บางครั้งพวกเขาก็อยากให้หาโค้ชฟิตเนสเพื่อรักษาความฟิต” ซิวดู

“ทุกคนแตกต่างกัน ทุกคนมีความต้องการที่ต่างกัน ดังนั้น มันจึงเป็นบริการที่มีความเฉพาะตัวมากๆที่เรามอบให้”

“สิ่งที่เหมือนกันมากที่สุดก็มีแค่ โรงแรม วิลล่า รถ เรือยอชต์ พวกเขามาพักผ่อนในช่วงสั้นๆ 5-6 วัน ดังนั้น พวกเขาจึงอยากรีดความสนุกออกมาให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และอยากได้รับสิ่งที่ดีที่สุด”

แต่ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้ลูกค้าของเขาติดใจ .. ส่วนตัวและปลอดภัย
ปฏิเสธไม่ได้ว่าสิ่งที่ทำให้บริษัทของ ซิวดู สามารถรองรับทุกการร้องขอของลูกค้าคือ คอนเน็กชั่นที่กว้างไกล เพราะแม้ว่าบริษัทของเขาจะมีพนักงานเพียงแค่ 10 คน แต่ก็กระจายตัวอยู่ทั่วโลก ทั้งยุโรป อเมริกา แอฟริกา หรือตะวันออกกลาง

“นักกีฬาสามารถเปลี่ยนใจได้ทุกวินาที ผมสามารถไปอยู่ในอีกเมืองหรืออีกประเทศในพรุ่งนี้ พวกเขาไม่ได้วางแผน พวกเขาแค่ไปตามอารมณ์ พวกเขาขอเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวเพื่อไปไมอามี แอลเอ หรือ เวกัส ถ้ายุโรปพวกเขาอาจอยากไป บาร์เซโลน่า หรือ มิโคลอส ในตะวันออกลางบางทีอาจจะเป็น ดูไบ คุณจึงต้องมีคอนเน็กชั่นอยู่ทุกที่” ซิวดู กล่าวกับ

อย่างไรก็ดี สิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งที่ทำให้ลูกค้าของเขากลับมาใช้บริการอีกคือความเชื่อมั่นในความปลอดภัย และทำให้นักกีฬาดังรู้สึกว่าพวกเขามีความเป็นส่วนตัวตลอดช่วงเวลาของการพักผ่อน

“คุณไม่มีเวลาที่จะสนุกกับมันหรอก มันเท่ที่ได้นั่งเครื่องบินเจ็ตส่วนตัว แม้ว่าผมจะอยู่ที่นั่น แต่ผมก็วางแผนสำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นข้างหน้าและต่อจากนั้น ในหัวของผมทำงานตลอดเวลา แม้ว่าตอนนั้นผมจะสนุกกับพวกเขาอยู่ก็ตาม” ซิวดู กล่าว

“พวกเขาอยากไปภัตตาคาร พวกเขาอยากไปปาร์ตี้ เรื่องใหญ่ที่สุดสำหรับนักฟุตบอลคือ กอล์ฟ หลายคนไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันเล่นยังไง แต่พวกเขาก็สนุกกับมันอยู่ดี ผมต้องรู้ว่าที่ไหนมีสนามกอล์ฟที่ดีที่สุด และผมจะเข้าไปได้ไหม?”

“ตอนที่ผมอยู่ที่ภัตตาคารและพวกเขากำลังสนุกกัน ผมคิดว่า ‘โอเค ต่อไปเราจะไปที่ไหนดี? ที่ไหนที่ปลอดภัย? ที่ไหนที่เป็นส่วนตัว?'”

ตอนนี้ ของ ซิวดู กำลังจะมีแผนใหม่ หลังย้ายฐานที่มั่นมาอยู่ที่ดูไบ เป็นโปรเจ็กต์ให้บริการการท่องเที่ยวสุดหรูในตะวันออกกลางสำหรับชาวอเมริกัน ในช่วงฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์

“การเดินทางและท่องเที่ยว การจัดการไลฟ์สไตล์ นั่นคือสิ่งที่ผมโดดเด่นที่สุด ผมจึงสร้างแบรนด์ที่ชื่อว่า เพื่อเป็นสะพานระหว่างตลาดอเมริกาเหนือและยุโรป และ GCC (กลุ่มความร่วมมืออ่าวอาหรับ) ในโลกอาหรับ” ซิวดู

“ผู้คนส่วนใหญ่ในอเมริกาเหนือไม่มีความมั่นใจที่จะมาที่นี่ พวกเขาก็ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับพื้นที่นี้เลย สิ่งที่เราทำคือ เป็นตัวแทนระหว่างแฟนบอลอเมริกาเหนือและบุคคลที่อยากมาดูฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์”

ซิวดู เชื่อว่าด้วยประสบการณ์การดูแลนักกีฬากว่า 15 ปีที่ผ่านมา ลูกค้าในอนาคตของเขาจะไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน

เพราะเขารู้ดีกว่า “การได้รับความเอาใจใส่” นั้นมีค่ามากแค่ไหน และเขาไม่เคยลืมมันเลยนับตั้งแต่ได้รับเสื้อพร้อมลายเซ็นในวันนั้น

UFABETWIN